“ขนมถังทอง” หรือถังแตก ที่ย้อนให้เรานึกถึงภาพของงานวัดในอดีต เพราะจะได้เห็นขนมถังทองทุกครั้ง และเมื่อเวลาเปลี่ยนไป การเที่ยวงานวัดของคนไทยน้อยลง การจัดงานวัดที่เคยมีอยู่บ่อยๆ ก็ลดน้อยลง ทำให้ขนมไทยชนิดนี้เริ่มถูกลืมไปเพราะไม่ค่อยได้เห็นคนทำออกขายเท่าไรนัก
อย่างไรก็ตาม หลังจากตลาดโบราณกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และขนมถังทอง เป็นหนึ่งในขนมที่ได้เลือกมาขายในตลาดโบราณ แต่วันนี้ภาพของขนมถังทองในอดีตเปลี่ยนหน้า เปลี่ยนตาไปเพื่อให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นขนาดที่ทำเล็กลง และจากอดีตที่มีแต่ไส้มะพร้าว และน้ำตาล วันนี้ก็มีการนำครีมใส่ลงไปในขนม และมีไส้ต่างๆ ให้เลือกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ฝอยทอง มะพร้าว ลูกเกด เยลลี ฯลฯ
สำหรับใครที่มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวตลาดโบราณเพลินวาน ที่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ก็คงจะได้คุ้นหน้าคุ้นตากับขนมถังทองในรูปโฉมใหม่ที่กล่าวมาข้างต้น เพราะเป็นหนึ่งในร้านขนมที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยว
ด้วยเหตุนี้เอง ทาง “นายชัยภูมิ แจ้งโพธิ์นาค” เจ้าของไอเดียแฟรนไชส์ กาแฟโบราณยกล้อ เกิดไอเดียคิดทำแฟรนไชส์ตัวใหม่ถังทองมินิ ออกมารองรับการขยายตัวของตลาดขนมไทยที่กำลังฮอตฮิตคู่ตลาดโบราณในครั้งนี้ โดยดึงจุดขายของไส้ถังทอง ซึ่งเป็นไส้ครีมออกมา ในแบบที่เน้นใส่ไส้ที่เรียกกันว่า “ไส้ทะลัก” กันเลยทีเดียว รวมไปถึงการสร้างความหลากหลายของไส้ที่มีให้เลือกแบบไม่อั้น เอาใจวัยรุ่น และคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ ภายใต้ชื่อแฟรนไชส์ “ถังทองมินิ By Nongfah”
นายชัยภูมิเล่าว่า ที่มาของแฟรนไชส์ถังทองมินิเกิดขึ้นมาจากตนเองชื่นชอบการกินขนมชนิดนี้มาตั้งแต่วัยเด็ก และหลังเริ่มหากินได้ยากขึ้น จนกระทั่งได้มาเจอถังทองที่ตลาดโบราณเพลินวาน ที่หัวหิน พอได้ซื้อกินก็รู้สึกว่ามันยังไม่ใช่อย่างที่เราต้องการ เพราะไส้ครีมที่ใส่มันน้อย ไม่จุใจ ประกอบกับมองว่า ใครก็คิดอยากขายขนมถังทองมินิแบบนี้ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร และไม่เคยมีใครนำมาทำแฟรนไชส์มาก่อน และไหนๆ เราก็ทำแฟรนไชส์อยู่แล้ว ลองทำแฟรนไชส์ถังทองในแบบของเราดู
“ตั้งแต่ผมทำแฟรนไชส์มา ก็เพิ่งจะมีตัวนี้แหละที่ผมมองว่าน่าทำที่สุด ที่ว่าน่าทำที่สุด เพราะกำไรดีมากจริงๆ เพราะต้นทุนต่อหน่วยต่ำมาก และวัตถุดิบทุกตัวสามารถทำเองได้ช่วยประหยัดต้นทุนไปได้อีก โดยราคาขายผมไม่ได้กำหนดตายตัว แล้วแต่ทำเล เริ่มต้นที่ 15 บาท 20 บาท และ 25 บาทต่อชิ้น แต่ต้นทุนอยู่ที่ชิ้นละประมาณไม่เกิน 5 บาท (ราคานี้ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ) (โดยแป้งหนึ่งชุด 150 บาท จะทำขนมถังทองได้ 75 อัน อันละ 20 บาท ขายได้ 1,500 บาท)”
สำหรับราคาแฟรนไชส์มีราคาเดียวคือ 21,999 บาท สิ่งที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะได้รับคือ เตาทำขนม 3 หลุม รถเข็นที่สามารถพับเก็บได้ อุปกรณ์ และวัตถุดิบในการขายเบื้องต้น รวมถึงป้ายหน้าร้านและป้ายเมนู ซึ่งสิ่งที่แฟรนไชส์จะต้องซื้อจากทางเจ้าของแฟรนไชส์ในครั้งต่อไป ประกอบด้วย แป้ง กล่อง และสติกเกอร์ ส่วนอื่นๆ ลูกค้าแฟรนไชส์สามารถหาซื้อ และสร้างสรรค์เองได้ โดยเฉพาะไส้เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สร้างสรรค์เองเต็มที่
นายชัยภูมิเล่าว่า จุดขายของเราอยู่ที่แป้ง ซึ่งในอดีตแป้งที่ทำขนมถังทองจะมีรสออกเปรี้ยวเพราะเกิดจากการหมักแป้ง แต่แป้งของเราจะไม่มีรสเปรี้ยว เนื่องจากเราไม่ใช้แป้งหมัก ส่วนครีม และไส้อื่นๆ จะสอนให้ฟรี โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพื่อให้แฟรนไชส์สามารถไปทำขายเองได้ โดยไม่ต้องไปลงทุนซื้อ ช่วยแฟรนไชส์ลดต้นทุนได้อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ “ชัยภูมิ” บอกกับเราว่า เหตุผลที่ลูกค้าต้องเลือกแฟรนไชส์ Nongfah ทั้งที่ลูกค้าสามารถทำขายเองได้ไม่ยาก เพราะเราได้สร้างแบรนด์แฟรนไชส์ Nongfah มาจนเป็นที่รู้จักและลูกค้าเชื่อใจแล้ว (ไม่ว่าจะเป็นกาแฟโบราณ ไข่ม้วน พิซซา) ดังนั้น ถ้าลูกค้าทำขายเองคงจะต้องใช้เวลาในการสร้างการยอมรับให้แก่ลูกค้า แต่ถ้าเป็นแฟรนไชส์ชื่อ Nongfah การันตีได้ระดับหนึ่งให้แก่ลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์ที่กล่าวมาข้างต้น ลูกค้ามั่นใจ กล้าตัดสินใจซื้อ เพราะจะได้กินอาหารที่รสชาติดี และสะอาด เพราะเราได้เลือกวัตถุดิบคุณภาพ และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ ได้มีการทำประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางอินเทอร์เน็ต สิ่งพิมพ์ วิทยุ หรือรายการโทรทัศน์ บ้างเป็นครั้งคราว
โทร. 08-1344-2788 www.facebook.com// Nongfah chaiyapoom
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *