เมื่อนึกถึงปลาที่ถูกนำมาแปลงสภาพเป็นขนม หลายคนคงนึกถึงผลิตภัณฑ์จาก จ.สมุทรสงคราม อย่าง เค้กปลาทู และเบอร์เกอร์ แต่คราวนี้คนใต้ จ.พัทลุง ของนำปลาทู มาทำเป็น “ปั้นขลิบไส้ปลาทู” จากความได้เปรียบในเรื่องความสดใหม่ของวัตถุดิบที่โดดเด่นกว่า
ไอเดียธุรกิจนี้ เริ่มจาก “คุณกันยารัตน์ ตู้เซ่ง” หรือป้าเล็ก อดีตข้าราชการผู้ชื่นชอบการทำขนม มักนำขนมฝีมือตนเองไปแจกเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเต้าฮวยนมสด กล้วยฉาบ และอื่นๆ ผู้ที่ได้ลิ้มลองต่างชมว่าอร่อย และแนะนำให้ทำขายส่งตามร้านขายของฝาก
สุดท้ายเลือกทำขนมปั้นขลิบไส้ปลาทู จากในช่วงแรกคิดทำกระหรี่พัฟแต่เนื่องจากเป็นขนมชิ้นใหญ่ รับประทานยาก จึงย่อส่วนลงมาเป็นขนมปั้นขลิบแทน และเลือกนำปลาทูมาทำไส้เป็นอันดับแรกหวังสร้างความต่าง รวมถึงที่ จ.พัทลุง เป็นแหล่งปลาทูสดใหม่ ซึ่งอุปสรรคในการลองทำครั้งแรก คือ กลิ่น 'คาว' ที่ได้รับการแก้ไขด้วยการใส่พริกไทยดำ ในเวลาต่อมา และต้องใช้ปลาทูสดที่เพิ่งนำขึ้นจากทะเลมาทำ เพราะจะมีกลิ่นคาวน้อยกว่าปลาทูที่ถูกแช่เย็นมาแล้ว แต่หากนำปลาทูสด มาแช่แข็งเลยก็สามารถนำมาทำได้เช่นกัน
ความแปลกใหม่ของไส้ปลาทูในขนมปั้นขลิบนี้เอง ทำให้สินค้าติดตลาดในเวลาอันรวดเร็ว มีโอกาสนำสินค้าไปแสดงในงานประจำจังหวัดอยู่บ่อยครั้ง ได้รับรางวัลโอทอป 3 ดาว โดยคาดว่าในปีนี้จะได้รับดาวเพิ่ม จากกำลังการผลิตที่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า ภายใต้แบรนด์ '123 มาร์เก็ตติ้ง'
“ช่วงแรกที่เราทำปั้นขลิบไส้ปลาทู การตอบรับดีมาก ลงตัวในเรื่องรสชาติ และไม่มีกลิ่นคาวของปลาทูแม้แต่น้อย ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ลูกค้าเป็นกังวล และกลายเป็นสินค้าที่ชาวพัทลุงรู้จักกันดี มีการสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก บางครั้งต้องปฏิเสธลูกค้าหลายรายไป เพราะผลิตไม่ทัน จากขั้นตอนการผลิตส่วนใหญเป็นแฮนด์เมดปั้นมือล้วนๆ”
เมื่อปั้นขลิบไส้ปลาทูติดตลาด ป้าเล็กเกรงว่าลูกค้าจะเบื่อ จึงพัฒนาปั้นขลิบไส้กุ้ง ไก่ และปั้นขลิบข้าวสังข์หยดไส้ธัญพืช ที่นำโปรตีนเกษตร ถั่ว งา เห็ดหอม มาปั่นรวมกัน ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน แต่ไส้ที่เป็นพระเอกของร้านยังเป็นปั้นขลิบ นอกจากนี้ยังมีฟักข้าวกวน ฟักข้าวสามรส และฟักข้าวทรงเครื่อง
ปัจจุบันป้าเล็กใช้ปลาทูตกวันละ 400 กิโลกรัม แต่จะสั่งซื้อประมาณ 1 ตัน และแช่แข็งไว้ ไม่เกิน 3 วัน ดังนั้นลูกค้ามั่นใจในเรื่องวัตถุดิบได้ว่าสดใหม่อยู่เสมอ และล่าสุดปั้นขลิบไส้ปลาทู ถูกนำไปวางขายในร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาภาคใต้ และภาคตะวันออก โดยส่ง 600 ลัง/2สัปดาห์ (1 ลัง = 36 กล่อง) เป็นขนาดกล่องเล็กขายในราคากล่องละ 25 บาท แต่หากขายที่หน้าร้าน และงานแสดงสินค้าถุงจะใหญ่ขึ้นอยู่ที่ 35 บาท/ถุง
นอกจากนี้ยังมีคนกรุงเทพฯ นำปั้นขลิบไส้ปลาทูส่งออกไปยังประเทศเวียดนาม และจีน อีกด้วย ส่งผลให้สัดส่วนการส่งออกสูงถึง 40% และขายในประเทศ 60% ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา จากจุดเด่นในเรื่องรสชาติหอม มัน กลมกล่อม แต่ที่ผ่านมาก็มีคู่แข่งเช่นกัน แต่เปลี่ยนเป็นไส้ปลาอินทรีย์ หรือไส้อื่นๆ แทน แต่รสชาติยังแตกต่างกันอยู่มาก
ปัจจุบันธุรกิจปั้นขลิบไส้ปลาทู ถ่ายทอดมาสู่รุ่นลูกชาย (นายธีรวุฒิ ตู้เซ่ง) และลูกสะใภ้ (นางศิริวรรณ ตู้เซ่ง) ช่วยกันสานต่อ โดยวางแผนจะทำตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศเอง เช่น ไต้หวัน และมาเลเซีย พร้อมการขยายหน้าร้านเน้นเป็นของฝากตามจังหวัดท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต และกระบี่ ที่ทายาทธุรกิจเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับดี ส่วนการพัฒนาผลิตภัณฑ์จะทำแพคเกจเป็นสุญญากาศเพื่อการเก็บรักษาได้ยาวนานขึ้น จากเดิมเพียง 3 เดือนเท่านั้น และมีการสั่งทำเครื่องจักรเพื่อช่วยในการผลิตที่รวดเร็วขึ้น ประมาณ 30% ซึ่งเครื่องนี้จะสามารถปั้นไส้ ห่อแป้ง และทอดแบบระเหยน้ำมันได้ในคราวเดียวกัน ช่วยทำให้ขั้นตอนการผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ถือเป็นการสร้างความต่างให้แก่ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิมในท้องตลาดออกมาได้เป็นอย่างดี เพราะเพียงแค่คิดต่างลองนำสิ่งใหม่ที่ยังไม่เคยมีคนทำมาสร้างสรรค์ ก็ก่อเกิดเป็นธุรกิจใหม่สร้างรายได้ที่มั่นคงได้
***สนใจติดต่อที่ 205 หมู่ 12 ต.ตนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง โทร.074-685049, 08-5673-1774***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
