xs
xsm
sm
md
lg

'ไอติมยัก' ลิ้มรสขนมไทยฉบับไอศกรีม กลมกล่อมถึงเครื่องกะทิสด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เมื่อนักครีเอทเมนูอาหารไทยในต่างแดน เลือกเปิดร้านไอศกรีมรสชาติไทยให้ลิ้มลอง ดังนั้นรสชาติจะธรรมดาคงเป็นไปไม่ได้ เมนูต้องแตกต่าง อย่าง รสขนมครก ครองแครงน้ำกะทิ หรือ มะนาวเมืองเพชร ที่ไม่ได้น้ำขนมไทยมาปั่นเป็นไอศกรีม เพราะดูง่ายไป! แต่เลือกทำไอศกรีมให้เหมือนขนมไทย ทั้งรสชาติ ความหอม และสัมผัส กับแบรนด์ “ไอติมยัก”
นายเสกสรรค์ พรสมบูรณ์ศิริ
นายเสกสรรค์ พรสมบูรณ์ศิริ เจ้าของไอศกรีมรสไทยแบรนด์ 'ไอติมยัก' ย้อนที่มาธุรกิจนี้ให้ฟังว่า เขาทำงานที่ร้านอาหารไทยในสหรัฐอเมริกามานานกว่า 11 ปี ในตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ พ่วงอีกหนึ่งหน้าที่คือ การคิดออกแบบเมนูใหม่ๆ ให้แก่ทางร้าน โดยต้องประสานงานกับเชฟว่าอาหารที่อออกแบบมานั้นสามารถสร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ได้หรือไม่ จากความได้เปรียบด้านภาษา ทำให้ต้องเป็นผู้พูดคุยกับลูกค้าโดยตรงทำให้รู้ความต้องการอาหารแต่ละเมนูของลูกค้า

ครั้งเมื่อเดินทางกลับมาประเทศไทยเมื่อปี 2555 ก็ตั้งใจเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง แต่ที่บ้านไม่เห็นด้วยนักเพราะใช้เงินลงทุนสูง แนะหาธุรกิจเล็กๆ ทำไปก่อน สะสมเงินทุนแล้วจึงค่อยทำตามฝัน บังเอิญมีญาติผลิตไอศกรีมกะทิขายส่งขายมานาน ที่ จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นไอศกรีมกะทิสดแท้ รสชาติกลมกล่อม จึงคิดรับนำขายต่อในกรุงเทพฯ แต่รูปลักษณ์ของไอศกรีมกะทิธรรมดาจะต้องเปลี่ยนไปเมื่อมาอยู่ภายใต้การบริหารธุกริจของอดีตนักครีเอทเมนูอาหารไทย เริ่มจากชื่อแบรนด์เขาต้องการสื่อถึงความเป็นไทย เพราะขายไอศกรีมที่เป็นต้นตำรับไทยแท้ ซึ่งเขานึกถึงชื่อ “ยักษ์” ที่เป็นชื่อที่เพื่อนๆ เรียกมาตั้งแต่เด็กจากความที่เป็นคนตัวสูงใหญ่ ดังนั้นเมื่อแปลงมาเป็นชื่อแบรนด์ ก็ขอเล่นคำสักหน่อย กลายเป็น 'ไอติมยัก' ที่ใครเห็นต้องสงสัย สอบถามความหมาย และกลายเป็นชื่อที่ถูกจดจำไปในที่สุด

ต่อมาพัฒนารูปแบบการขายและหน้าตาของไอศกรีมกะทิที่แปลกไป นำใส่ถาดแทนการตักไอศกรีมจากถังสแตนเลสทรงกลม ทำคล้ายไอศกรีมเจลลาโต ดูโมเดิร์นขึ้น จับใส่ถ้วยกระดาษ หรือใครที่ต้องการรับประทานกับขนมปังก็นำใส่ถาดมีช้อน ส้อม ให้พร้อมรับประทาน ขณะที่ทอปปิ้งก็มีความหลากหลาย ถูกอกถูกใจลูกค้าในย่านศรีนครินทร์เป็นอย่างมาก
ไอติมยักรสงาดำ
เปิดร้าน 'ไอติมยัก' ได้สักพัก ก็ลองพัฒนารสชาติใหม่ขึ้น เลี่ยงความจำเจ โดยวางพื้นฐานไอศกรีมรสชาติมใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นต้องมีพื้นฐานมาจากไอศกรีมกะทิ ซึ่งเขานึกถึงขนมไทย แต่จะให้นำขนมไทยมาปั่นเป็นไอศกรีมเลยก็ดูจะง่ายเกินไป แต่เขาต้องการ 'ทำไอศกรีมออกมาให้เหมือนขนมไทย' แทน

รสชาติแรกที่เขาคิดค้นขึ้น 'ไอศกรีมรสขนมครก' เพราะรสชาติพื้นฐานคือ กะทิ พร้อมนำเผือก ข้าวโพดมาผสมลงไปด้วย ต่อมาเป็น 'มะพร้าวเผา' ป็นการนำเอามะพร้าวเผาเป็นชิ้นๆ ใส่ในไอศกรีม ซึ่งปัจจุบันเป็นรสชาติที่ชายดีที่สุด ถัดมาเป็น 'รสครองแครงน้ำกะทิ' ขนมไทยโบราณ นำงาขาว มะพร้าวทึนทึก ทำน้ำกะทิจากขนมครองแครง ให้กลิ่นและรสชาติเหมือนการรับประทานครองแครงในรูปแบบของไอศกรีม ขณะที่ 'รสงาดำ' ก็ใส่ใจในทุกรายละเอียด นำงามาล้าง ขัด คั่วบดละเอียด ทำให้ได้ไอศกรีมรสงาดำเข้มข้น หอม หวานมัน

นอกจากนี้ยังมีไอศกรีม รสมะนาวเมืองเพชร, น้ำตาลโตนด, ลอดช่องใบเตย, กาแฟโบราณ, ชาไทย, น้อยหน่า, ทุเรียน, เสาวรส, สตรอเบอรี่, มะม่วง และ ลิ้นจี่ เป็นต้น ไม่แต่งกลิ่นใดๆ ทั้งสิ้น ใช้เนื้อผลไม้สดตามฤดูกาล และเป็นรสที่มาจากไอศกรีมกะทิสด

ไอติมยัก เปิดดำเนินการมาได้ประมาณ 1 ปีครึ่ง และไม่มีหน้าร้าน อาศัยตามบูธตามงานอีเว้นท์ต่างๆ เพื่อให้คนรู้จักแบรนด์ และลิ้มลองไอศกรีมรสชาติไทย โดยราคาขายอยู่ที่สกู๊ปละ 45 บาท (70 กรัม) ขณะที่ถ้วยสำหรับนำกลับบ้านราคา 55 บาท/ถ้วย (110 กรัม) มีน้ำแข็งแห้งสามารถเดินทางได้ 3 ชั่วโมง ลูกค้ามีทุกเพศทุกวัย แต่จะแตกต่างกันที่ความชอบในแต่ละรสชาติเท่านั้น โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 30-60 ปี จะชื่นชอบมากเพราะคุ้นเคยกับไอศกรีมกะทิอยู่แล้ว

ส่วนแผนธุรกิจเขาเตรียมนำไอติมยักไปเสนอตามร้านอาหาร ร้านกาแฟ เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งเมนูไปเสนอให้กับทางร้าน และอาจจะมีหน้าร้านเป็นตนเองที่ไม่ใช่เพียงแค่ร้านไอติมยัก แต่จะเป็นร้านอาหารที่ตนเองเคยใฝ่ฝันไว้ และมีไอติมยักไปจำหน่ายในร้านด้วย



แบบถ้วยนำกลับบ้าน
***สนใจติดต่อ 08-1948-4655 หรือที่ Facebook : ไอติมยัก***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น