คุ้นเคยเป็นอย่างดีกับคำว่า “โอทอป” ในเมืองไทย เพราะเชื่อว่าหลายคนก็คงอุดหนุนสินค้าโอทอปกันมาบ้างไม่มากก็น้อย ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่มาจากภูมิปัญญาชาวบ้าน แต่หากจะทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง 'แบรนด์' จึงเป็นสิ่งไม่ควรมองข้ามเพื่อให้ลูกค้าเกิดการจดจำ
แต่โจทย์การสร้างแบรนด์ คงยากกว่าการสร้างสรรค์ผลิตเพื่อจำหน่ายเป็นแน่! ล่าสุด สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม จึงมอบหมายให้สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สพว.) โดยศูนย์เพิ่มมูลค่าผลผลิตและออกแบบผลิตภัณฑ์ ดำเนินโครงการ “สร้างตราสินค้าเชิงสร้างสรรค์สำหรับผลิตภัณฑ์ OTOP” หวังสร้างผลิตภัณฑ์ OTOP ให้อยู่ในระดับแนวหน้าของแต่ละภูมิภาค
นำร่อง 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1.กลุ่มของใช้ของประดับตกแต่ง 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์ผ้า และ 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร สู่ผลิตภัณฑ์แบรนด์เด่นของประเทศ (OTOP ICONIC BRAND) โดย “นายอยุทธ์ เตชะสุกิจ” ผู้อำนวยการศูนย์เพิ่มมูลค่าผลผลิต และออกแบบผลิตภัณฑ์ SMEs เผยว่า โครงการดังกล่าวเป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์ OTOP และศิลปาชีพที่มีศักยภาพให้เติบโตสู่การเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์ (OBM) อันจะช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ของไทยให้ก้าวสู่ยุคใหม่ ซึ่งสามารถตอบสนองวิถีชีวิต (Lifestyle) ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนขึ้น และสร้างคุณค่า-มูลค่าเพิ่มด้วยการใช้ทุนศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นและความคิดสร้างสรรค์
นำร่อง “แจ้งเกิด....แบรนด์สร้างสรรค์ ” หยิบ 9 สินค้าสุดยอดนวัตกรรมโชว์แนวคิด ได้แก่ "เขิน" ผลิตภัณฑ์หัตถศิลป์ทรงเสน่ห์, "เขียวสด" นวัตกรรมงานจักสานเสื่อและของใช้จากตระไคร้หอม "ฑีตา" หัตถกรรมเครื่องแต่งกายและของใช้จากผ้าฝ้ายย้อมครามธรรมชาติ "ทรอปิคานา" ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามแบบองค์รวม จากน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ "กุญณภัทร" ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามด้วยคุณค่าจากเกลือสินเธาว์ "ปร่ากี้โต้" ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ชุด Travel sets "ยาโน" เสื้อผ้าพื้นเมืองแนวไลฟ์สไตล์จากผ้าทอมือด้นลาย "ทิวา" กระเป๋ากระจูดสาน สีสดใส "เซเรเน่" ผ้าไหมของคนรุ่นใหม่ มาจัดแสดงและจำหน่ายที่ ร้าน THE SHOP@TCDC ชั้น 6 ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ(Thailand Creative & Design Center หรือ TCDC) ดิ เอ็มโพเรียม ช็อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ เพื่อเป็นช่องทางการตลาดใหม่ให้กับ OTOP
นายกมล ตรีธรรมพินิจ เจ้าของแบรนด์ "เซเรเน่" ผ้าไหมของคนรุ่นใหม่ โดดเด่นด้วยผิวสัมผัสและลวดลายจากเทคนิคการผลิตระดับสูง เล่าว่า ก่อนจะเข้าร่วมโครงการสร้างตราสินค้าเชิงสร้างสรรค์สำหรับผลิตภัณฑ์ OTOP นั้น ตนทำธุรกิจผ้าไหมพื้นบ้าน แบบครบวงจร ตั้งแต่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม สาวเส้น ฟอก ย้อม มานานกว่า 4 ชั่วอายุคน ใช้ชื่อว่า 'เรือนไหมใบหม่อน' จ.สุรินทร์ ซึ่งปัจจุบันตลาดของกลุ่มคนใช้ผ้าไหมจะเป็นกลุ่มคนมีอายุ และเกรงว่าต่อไปในอนาคตกลุ่มคนใช้ผ้าไหมจะค่อนข้างเล็กลง จึงมองว่าจะทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจ และสวมใส่ผ้าไหมในชีวิตประจำวัน โดยมีแนวคิดเพื่อตอบสนองคนชีวิตคนรุ่นใหม่ ชีวิตคนเมือง โดยผลิตภัณฑ์แบรนด์ "เซเรเน่" ปัจจุบันจะเน้นไปที่ ผ้าไหมชิ้น ผ้าคุมไหล ผ้าพันคอ ซึ่งจะเน้นกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานในกลุ่มเมืองซึ่งเป็นตลาดใหม่ของกลุ่มผ้าไหม โดยนำเรื่องของดีไซน์เข้ามาช่วยให้เหมาะกับคนรุ่นใหม่มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเครื่องสำอาง อย่างโปรตีนไหมอีกด้วย
ด้านกลุ่มอาชีพทอเสื่อเขียวสด โดดเด่นเรื่อง 'เสื่อตะไคร้หอม' ซึ่งศิรภัสสร จันทร์โสภา เลขาธิการกลุ่มฯ จ.หนองคาย แบรนด์ "เขียวสด" เผยว่า เป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมงานจักสานเสื่อตระไคร้หอม ด้วยเทคนิคพิเศษที่สามารถรักษากลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยได้นานมากกว่า 2 ปี เจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย โดยนำต้นของตะไคร้หมอนำมาผลิตเป็นเสื่อทำให้เราสามารถใช้คุณสมบัติของตะไคร้หอม ที่มีกลิ่นหอมช่วยให้ผ่อนคลาย นอนหลับง่าย บำรุงสมอง บรรเทาความอ่อนเพลียของกล้ามเนื้อ และป้องกันยุงได้อย่างดี นอกจากนี้ แบรนด์ "เขียวสด" ยังได้มุมมองในการต่อยอดผลิตภัณฑ์งานออกแบบเสื่อจากตะไคร้หอมมาเป็นสินค้าตกแต่งบ้านที่มีสีสันสวยงาม และทันสมัยอีกด้วย และยังได้พบปะกับพันธมิตรทางธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้นจากการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว
ประไพพันธุ์ แดงใจ ประธานกลุ่ม "ฑีตา" หัตถกรรมเครื่องแต่งกายและของใช้จากผ้าฝ้ายย้อมครามธรรมชาติ “ของดีเมืองสกลนคร” อีกหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้คัดเลือกเข้าโครงการสร้างตราสินค้าเชิงสร้างสรรค์สำหรับผลิตภัณฑ์ OTOP เล่าให้ฟังว่า การย้อมครามเป็นภูมิปัญญาที่สืบต่อกันมาหลายพันปี ผ้าย้อมครามเป็นผ้าย้อมสีธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิงแวดล้อม สามารถป้องกันรังสี UV และมีคุณสมบัติทางสมุนไพร การย้อมครามเป็นกระบวนการย้อมเย็นเพราะจะมีความทนทานมากกว่า แถมยังไม่สิ้นเปลืองพลังงาน ดีต่อสิ่งแวดล้อมทุกกระบวนการ และสีสันจากการย้อมครามจะมีความคงทนสูงกว่าการย้อมที่ใช้ความร้อน
“เราให้ความสำคัญกับโครงการนี้มาก เพราะเรื่องของแบรนด์ เป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่ยั่งยืน ทางโครงการได้ให้ความรู้เรื่องของการสร้างแบรนด์ พัฒนาทักษะวิธีคิด เรียนรู้กระบวนการสร้างแบรนด์ กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทำให้เรารู้จัดตลาดมากขึ้น กว้างขึ้น และรู้จักเทรนด์ของตลาด ซึ่งจะสามารถทำให้การทำธุรกิจประสบความสำเร็จมากขึ้น” ประธานกลุ่มฑีตา กล่าวทิ้งท้าย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *


