ถ้าเอ่ยถึงจักรยานโบราณแล้วละก็ เวลานี้คงไม่มีใครปฏิเสธถึงกระแสที่มาแรงแบบไม่เคยตก โดยเฉพาะในช่วงที่เทรนด์ความนิยมการขี่จักรยานมาแรงในช่วงนี้ยิ่งดันให้ความคลาสสิกของจักรยานโบราณได้รับความนิยมมากขึ้นตามไปด้วย และเป็นที่มาของร้านจักรยานโบราณ และอะไหล่ ที่มีชื่อ “บ้านส้ม” ของ “ลุงหนวด รัตนเดชณรงค์”
ลุงหนวดเล่าให้ฟังว่า ที่มาของร้านจักรยานโบราณ “บ้านส้ม” เกิดขึ้นมาจากลุงชื่นชอบและหลงใหลในจักรยานโบราณ แต่ปัญหาของคนรักจักรยานโบราณเหมือนกันก็คือ หาอะไหล่ไม่ได้ หรือถ้าหาได้ก็มีราคาแพงมาก ทำให้หลายคนหมดโอกาสในการได้ขี่จักรยานโบราณ และประกอบกับลุงได้มีโอกาสเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อยๆ เห็นว่าในต่างจังหวัดมีจักรยานโบราณจอดทิ้งในสภาพที่ไม่สมบูรณ์เนื่องจากขาดอะไหล่ไม่สามารถซ่อมได้ ลุงจึงค่อยเก็บสะสมอะไหล่จักรยานที่หาได้จากที่ต่างๆ และมารวบรวมเก็บเอาไว้ หวังฟื้นคืนชีพจักรยานเหล่านั้น
ทั้งนี้ พอใครมีปัญหาเรื่องอะไหล่ก็จะมาปรึกษา ลุงพอมีอะไหล่อะไรแบ่งขายให้ในราคาที่ไม่แพง ก็เลยเกิดการบอกกันแบบปากต่อปาก ลูกค้าเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ลุงก็เลยตัดสินใจเปิด ร้านบ้านส้ม ขึ้นมารองรับลูกค้ากลุ่มรักจักรยานโบราณอย่างเต็มตัว อะไหล่บางส่วนก็เป็นของแท้ บางส่วนก็เป็นของใหม่ ผสมกันไป เพราะถ้าหาอะไหล่แท้ทั้งหมด บางยี่ห้อหายากมาก โดยเฉพาะจักรยานจากแถบยุโรป หรือจักรยานอังกฤษ
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมายังไม่มีใครเปิดร้านซ่อม หรือจำหน่ายอะไหล่รถจักรยานโบราณที่ทำอย่างเป็นรูปเป็นร่าง และเปิดเป็นร้านเหมือนกับร้านของลุง ด้วยเหตุนี้เอง ลุงหนวดจึงบอกกับเราว่า ลุงเห็นช่องว่างทางการตลาดตรงจุดนี้ด้วย และก็เป็นไปตามคาด เพราะมีลูกค้าให้ความสนใจนำโครงจักรยานโบราณ และเข้ามาหาอะไหล่จากร้านลุงหนวดค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งปัจจุบันหันมาชื่นชอบและนิยมจักรยานโบราณกันมาก แต่ติดปัญหาเรื่องของอะไหล่ที่มีราคาแพง กำลังซื้อมีไม่มาก แต่พอมาใช้บริการร้านของลุงหนวด ค่าอะไหล่ลดลงไปกว่า 50% ช่วยให้น้องๆ วัยรุ่นสามารถมีจักรยานโบราณไว้ขี่เล่นตามยุค ตามกระแส ได้
สำหรับจักรยานโบราณที่นิยมกันมีอยู่ด้วยกันหลายยี่ห้อ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นจักรยานนำเข้าจากประเทศแถบยุโรป และรถนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ส่วนรถผลิตในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 6 มีด้วยเช่นกัน ส่วนยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ฮัมเบอร์, ราเลย์, โรบินฮู้ด, สแตนดาร์ด, เฮอร์คิวลิส ฯลฯ ส่วนรถจักรยานโบราณของไทยที่ได้รับความนิยม ได้แก่ สแตนดาร์ดไทย ช้างสามเศียร และรถจักรยานจากจังหวัดอุทัยธานี เป็นการผลิตเลียนแบบรถจักรยานญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะใช้ยี่ห้อสแตนดาร์ด
ลุงหนวดเล่าถึงแนวทางการทำตลาดว่า ปัจจุบันเนื่องจากอะไหล่แท้หายาก แต่ลูกค้ายังต้องการได้จักรยานโบราณที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องนำเข้าอะไหล่บางส่วนมาจากประเทศจีนเพื่อมาทดแทนอะไหล่แท้บางตัว ที่หาไม่ได้ในบางยี่ห้อ ส่วนกลุ่มลูกค้าปัจจุบันจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มวัยรุ่น ต้องการซื้อไปถีบโชว์ แต่ปัญหาของจักรยานโบราณคือ น้ำหนักมากถีบในเมืองลำบากต้องถีบต่างจังหวัด และกลุ่มนักสะสม ซึ่งกลุ่มนี้ค่อนข้างจะอยากได้จักรยานรูปแบบเดิมให้มากที่สุด ดังนั้นจึงไม่ต้องตกแต่งอะไรมากเหมือนกลุ่มแรกที่ต้องตกแต่งให้สวยงาม และทำให้ถีบได้ง่าย สัดส่วนลูกค้าทั้งสองกลุ่มใกล้เคียงกัน
ในส่วนของรายได้หลักของร้านบ้านส้ม ยังคงมาจากการจำหน่ายอะไหล่ และการรับซ่อมจักรยาน ส่วนรายได้อื่นๆ มาจากการจำหน่ายจักรยาน ยังถือว่าไม่มากนักเนื่องจากจักรยานที่ทางร้านประกอบราคาค่อนข้างสูง ซึ่งราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 4,500 บาท ไปจนถึงหลักหลายหมื่นบาทขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ และความนิยมของแต่ละยี่ห้อ นอกจากนี้ ทางร้านยังมีรายได้จากการที่ลูกค้ามาเช่าเพื่อไปประกอบงานอีเวนต์ต่างๆ เช่าไปถ่ายภาพยนตร์โฆษณา เป็นต้น คิดค่าเช่าอยู่ที่ 20-30% ของราคารถ
โทร. 08-3052-7436, E-mail:baansombike@gmail.com
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *