“ก๋วยเตี๋ยวปลาด๊อกเตอร์” เริ่มเปิดตัวเมื่อ พ.ศ.2544 โดยชูจุดขายตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน มุ่งมั่นเป็นเมนูอร่อยและได้สุขภาพดี คิดค้นสูตรโดยแพทย์ตัวจริงเสียงจริง ขณะที่วัตถุดิบและกระบวนการผลิตได้มาตรฐานสากล ทำให้แฟรนไชส์โตต่อเนื่อง ขณะนี้รวมกันกว่า 130 สาขา และเตรียมขยายสู่อาเซียนเร็วๆ นี้
ธัชชัย จงศิริวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เครื่องปรุงสมุนไพร จำกัด เจ้าของธุรกิจ เผยว่า ผู้บุกเบิกก๋วยเตี๋ยวปลาด็อกเตอร์ คือ “นายแพทย์บุญชัย อิศราพิสิษฐ์” จากแนวคิดอยากให้คนไทยกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งในก๋วยเตี๋ยวปลาหนึ่งชามมีสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ และเป็นเมนูที่คนไทยนิยมอยู่แล้ว จึงสนใจจะทำธุรกิจก๋วยเตี๋ยวปลา ขยายแบบแฟรนไชส์เพื่อกระจายถึงผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง
ชื่อแบรนด์ “ก๋วยเตี๋ยวปลาด๊อกเตอร์” สื่อถึงกินแล้วมีประโยชน์ ศึกษาและค้นคว้าสูตรซอสเพื่อสุขภาพขึ้นโดยแพทย์ เช่น ซอสเย็นตาโฟ ทำจากสมุนไพร ได้แก่ กระเจี๊ยบ พริก และมะเขือเทศ ส่วนลูกชิ้นปลาทำมาจากปลาน้ำลึก โดยใช้กระบวนการ “ซูเรมิ” ซึ่งเป็นวิธีดึงน้ำเมือกและเลือดออก ทำให้ไม่มีกลิ่นและรสคาว ปราศจากสารกันบูดใดๆ ทั้งสิ้น ผลิตโดยโรงงานที่ได้มาตรฐานสากล ทั้ง GMP , HACCP และฮาลาส เป็นต้น
ธัชชัย เล่าต่อว่า หลังนายแพทย์บุญชัย ดำเนินธุรกิจก๋วยเตี๋ยวปลาด๊อกเตอร์ได้สักระยะ ด้วยภาระหน้าที่งานประจำ ทำให้ไม่มีเวลาดูแลธุรกิจใกล้ชิด ดังนั้น มอบหมายให้ตน ซึ่งเป็นนักธุรกิจมืออาชีพ และเป็นญาติสนิทด้วย ช่วยเข้ามาดูแลกิจการแทน โดยนายแพทย์บุญชัย ยังคงคอยเป็นที่ปรึกษา
ด้านการขยายแฟรนไชส์นั้น ธัชชัยอธิบายว่า ปรับปรุงรูปแบบลงทุนเรื่อยมา จากเบื้องต้น มีลักษณะหลากหลาย ตั้งแต่รถเข็นขายก๋วยเตี๋ยว คีออส และรูปแบบร้าน แต่ภาพธุรกิจในช่วง 1-2 ปีหลังที่ผ่านมา และในอนาคตต่อไป จะสลัดรูปแบบร้านรถเข็นให้ลดน้อยเรื่อยๆ และหมดไปในที่สุด โดยเน้นเปิดรูปแบบร้านตามแหล่งชุมชน ศูนย์อาหาร และในห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อกำหนดกลุ่มลูกค้าชัดเจน มุ่งระดับกลางบนขึ้นไป รวมถึง ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้สูงยิ่งขึ้น
สำหรับการลงทุนแฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวปลาด๊อกเตอร์ ปัจจุบัน มี 2 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบที่ 1 งบประมาณ 36,000 บาท ซื้อเฉพาะค่าแบรนด์ และลิขสิทธิ์ เหมาะสำหรับผู้ที่เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่แล้ว ต้องการนำแบรนด์และระบบของก๋วยเตี๋ยวปลาด๊อกเตอร์ไปใช้ โดยมีอายุสัญญาต่อกัน 3 ปี เมื่อขึ้นปีที่ 4 มีค่าต่อสัญญาอีก 3 ปี มูลค่า 5,000 บาท
รูปแบบที่ 2 งบลงทุน 1.5-2.5 แสนบาท (แล้วแต่ขนาดร้าน) ชุดเปิดร้านครบวงจร โดยจะได้ทั้งชุดอุปกรณ์ เคาน์เตอร์ร้าน วัตถุดิบเบื้องต้น ค่าตกแต่งร้าน ฯลฯ ซึ่งรูปแบบนี้ ควรมีพื้นที่เปิดร้านประมาณ 60-90 ตารางเมตร จำนวนโต๊ะประมาณ 6-10 โต๊ะ อยู่ในย่านชุมชน และมีที่จอดรถสะดวกสบาย
ทั้งนี้ เมนูในร้านรวมกว่า 20 รายการ เช่น ก๋วยเตี๋ยวปลา เย็นตาโฟ สุกี้ ข้าวต้มปลา ลูกชิ้นลวกจิ้ม เป็นต้น ราคาอยู่ที่ชามละ 35-50 บาท (แล้วแต่เมนูและทำเลที่ตั้ง) เบ็ดเสร็จผู้ขายจะเหลือกำไรสุทธิประมาณ 35-37% จากยอดขายรวม ซึ่งจะทำให้คืนทุนภายใน 2-6 เดือน (ขึ้นอยู่กับรูปแบบลงทุน)
ธัชชัย บอกถึงข้อดีของระบบแฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวปลาด๊อกเตอร์ คือ ความง่าย แม้แต่คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทำอาหารมาก่อนเลย ก็สามารถประกอบอาชีพนี้ได้ เนื่องจากทางบริษัทฯจะส่งวัตถุดิบต่างๆ ให้พร้อมถึงร้าน อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยส่วนของลูกชิ้นต่างๆ จะมาในรูปแบบแช่แข็ง หรือ frozen food สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานกว่า 6 เดือน โดยที่รสชาติไม่เปลี่ยน เมื่อจะใช้แค่นำออกมาลวกน้ำร้อนเท่านั้น ส่วนซอสต่างๆ จะส่งเป็นถุงสำเร็จรูปให้ แค่ฉีกซองก็นำไปใช้ได้ทันที ส่วนกระบวนการทำน้ำซุป จะส่งไปเป็น "ก้อนผงสำเร็จรูป” แค่ใส่ลงไปในน้ำร้อนตามสัดส่วนที่กำหนดไปให้ ก็จะได้น้ำซุปรสที่มีมาตรฐานเหมือนเดิมทุกครั้ง
ในส่วนการควบคุมมาตรฐานแฟรนไชส์ เจ้าของธุรกิจระบุว่า ส่วนแรกจะกำหนดว่าแฟรนไชส์ซี่ต้องรับซื้อวัตถุดิบหลักจากบริษัทเท่านั้น ประกอบด้วย “ชามกระเบื้องรูปปลา” ถือเป็นเอกลักษณ์เจ้าเดียวในประเทศ นอกจากนั้น ต้องรับวัตถุดิบอย่างลูกชิ้น น้ำซอส และก้อนผงจากบริษัทฯ ในกรณีต้องการขายสินค้าอื่นๆ ควบคู่ภายในร้านต้องได้รับการยินยอมจากบริษัทเสียก่อน อีกทั้ง กำหนดแต่ละสาขาต้องอยู่ห่างไม่น้อยกว่า 10 กิโลเมตร จะได้ไม่แย่งลูกค้ากันเอง นอกจากนั้น จะมีทีมส่วนกลางคอยเข้าไปตรวจสอบและให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี่เสมอ
สำหรับสิ่งที่แฟรนไชส์ซีจะได้รับ เช่น การอบรมก่อนเปิดร้านจริง สนับสนุนวัตถุดิบต่างๆ คำปรึกษาทางธุรกิจตลอดระยะเวลาที่มีสัญญาร่วมกัน การฝึกอบรมพนักงาน และส่งเสริมการตลาดในภาพรวม เป็นต้น
ธัชชัย เผยด้วยว่า นับถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2556 แฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวปลาด๊อกเตอร์ มีรวมกันกว่า 130 สาขาทั่วประเทศ และคาดว่าถึงสิ้นปีนี้ (2556) จะเพิ่มเป็น 170 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนั้น ในช่วงปลาย จะเปิดสาขาที่ประเทศกัมพูชา ประมาณ 10 จุด เตรียมพร้อมขยายตลาดรับเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ส่วนอัตราการล้มเหลวของการธุรกิจแฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวปลาด๊อกเตอร์ ที่ผ่านมาอยู่ที่ 12% สาเหตุหลักๆ มาจากแฟรนไชส์ซีไม่ปฏิบัติตามสูตรที่ให้ไป รวมถึง ไม่รักงานบริการ หรือไม่มีเวลามาดูแลกิจการด้วยตัวเอง
เขา ระบุด้วยว่า ธุรกิจอาหารโดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยวยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นเมนูที่คนทั่วไปชื่นชอบอยู่แล้ว กินได้สม่ำเสมอ และเมื่อเจาะจงไปที่ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา มีข้อความได้เปรียบจากการแข่งขันที่น้อยกว่าก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อหรือหมู ประกอบกับกระแสรักสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งส่งให้ธุรกิจก๋วยเตี๋ยวปลายังมีตลาดที่จะโตต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ สิ่งสำคัญควรมีความปัจจัยพร้อมด้านทำเลอยู่ในย่านชุมชน และตกแต่งร้านอย่างสวยงามโดดเด่น นอกจากนั้น ต้องเป็นคนรักงานบริการ และรักความสะอาด รวมถึงเป็นคนเอาใจใส่ รักษาคุณภาพให้ได้สม่ำเสมอ
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
ตารางลงทุนแฟรนไชส์ ก๋วยเตี๋ยวปลาด๊อกเตอร์ |
-การลงทุน รูปแบบที่ 1 งบประมาณ 36,000 บาท ซื้อแบรนด์ และลิขสิทธิ์ เหมาะสำหรับผู้ที่เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่แล้ว ต้องการนำแบรนด์และระบบของก๋วยเตี๋ยวปลาด๊อกเตอร์ไปใช้ รูปแบบที่ 2 งบลงทุน 1.5-2.5 แสนบาท (แล้วแต่ขนาดร้าน) ชุดเปิดร้านครบวงจร ทั้งอุปกรณ์ เคาน์เตอร์ร้าน วัตถุดิบเบื้องต้น ค่าตกแต่งร้าน ฯลฯ -เงื่อนไข ต้องรับซื้อวัตถุดิบหลักจากบริษัทเท่านั้น ประกอบด้วย ชาม ลูกชิ้น น้ำซอส และก้อนผงน้ำซุป แต่ละสาขาต้องอยู่ห่างไม่น้อยกว่า 10 กิโลเมตร มีทีมส่วนกลางคอยเข้าไปตรวจสอบและให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี่เสมอ -สำหรับสิ่งที่แฟรนไชส์ซีจะได้รับ การอบรมก่อนเปิดร้านจริง สนับสนุนวัตถุดิบต่างๆ คำปรึกษาทางธุรกิจตลอดระยะเวลาที่มีสัญญาร่วมกัน การฝึกอบรมพนักงาน ส่งเสริมการตลาดในภาพรวม -แฟรนไชส์ซีจะเหลือกำไรสุทธิประมาณ 35-37% จากยอดขายรวม -อัตราเฉลี่ยคืนทุนภายใน 2-6 เดือน (ขึ้นอยู่กับรูปแบบลงทุน) |