กสอ.เผยรายชื่อ 75 กิจการที่สามารถปรับตัวดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพในภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในช่วงคาบเกี่ยวสู่การยกระดับประเทศผ่านนโยบายรัฐบาลในทุกมิติ ด้วยแผนยกระดับอุตสาหกรรมในสาขาหลักของประเทศ ผ่านโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขัน (MDICP)
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทางด้านเศรษฐกิจ เช่น การหดตัวของตลาดต่างประเทศ การปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ การปรับราคาก๊าซหุงต้ม ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ภาวการณ์ขาดแคลนแรงงาน การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค การพัฒนาเทคโนโลยีและเครื่องจักร และภาวะผันผวนของค่าเงินบาท ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนในกระบวนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมขยับสูงขึ้นกว่า 10-20 เปอร์เซ็นต์ ทำให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องและรุนแรง กระทรวงอุตสาหกรรมได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เร่งให้การส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนา SMEs อย่างเร่งด่วน ทั้งในด้านการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต การลดต้นทุนการผลิต การลดความสูญเปล่าในกระบวนการผลิต การพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ การปรับปรุงเทคโนโลยีและเครื่องจักร การพัฒนาระบบการจัดการในองค์กร และการพัฒนาบุคลากรในองค์กร เป็นต้น ซึ่งหนึ่งในโครงการที่สำคัญของ กสอ.ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และประสบผลสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่ โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขัน (Manufacturing Development to Improve Competitiveness Programme - MDICP)
ด้านนายโสภณ ผลประสิทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในปี 2555 ที่ผ่านมาเรามีเป้าหมายในการพัฒนาสถานประกอบการตามโครงการ MDICP ทั้งจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาคจำนวน 75 กิจการ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มุ่งส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs อย่างต่อเนื่อง เน้นการปรับปรุงกระบวนการทำงาน รวมไปถึงการพัฒนาศักยภาพการบริหารการจัดการและเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในอีก 2 ปีข้างหน้าประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะมีผลอย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้ตลาดการค้ากลุ่มอาเซียนเพิ่มขึ้นกว่า 600 ล้านคน น่าจะเป็นโอกาสสำหรับ SMEs ไทยที่จะขยายตลาดได้มากขึ้น ดังนั้น หากไม่มีการเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไทยอาจสูญเสียตลาดให้สมาชิกอีก 9 ประเทศได้
“กรมส่งเสริมอุสาหกรรมมุ่งหวังให้สถานประกอบการสามารถยกระดับความสามารถในการแข่งขันให้ดียิ่งขึ้น โดยเน้นไปที่อุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร พลาสติก ยานยนต์และชิ้นส่วน โลหการ เซรามิกและแก้ว ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ยาและเคมีภัณฑ์ เครื่องหนัง ไม้และเครื่องเรือน สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ยางพารา/ผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น โดยในปี 2555 มีวิสาหกิจเข้าร่วมโครงการ 75 กิจการ ส่งผลให้สถานประกอบการสามารถสร้างมูลค่ายอดขายเพิ่มขึ้นรวม 3,904.32 ล้านบาท ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต คิดเป็นมูลค่า 455.59 ล้านบาท และมีการลงทุนขยายกิจการคิดเป็นมูลค่า 695.2 ล้านบาท มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 570 คน สามารถลดของเสียอันเนื่องมาจากกระบวนการผลิต 168.89 ล้านบาท ตลอดจนมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จำนวน 47 เรื่อง” นายโสภณกล่าว
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
