แม้เทคโนโลยีจะเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คน โดยเฉพาะข้อมูลข่าวสารหาอ่านได้ใกล้ตัวจากโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต บทบาทของกระดาษถูกลดทอนลงไป แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเสน่ห์ของกระดาษยังคงมนต์ขลังกว่าอุปกรณ์สมัยใหม่ สิ่งนี้เองทำให้หนึ่งธุรกิจยังคงอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ แม้อัตราเติบโตจะไม่หวือหวานัก แต่ก็มีรายได้หล่อเลี้ยงหนอนหนังสือตัวยง อย่างเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ร้านหนังสือเช่า “บ้านการ์ตูน” ได้อย่างมีความสุข
“วิกฤตสามารถแปรเปลี่ยนเป็นโอกาสได้ ผมเชื่ออย่างนั้น” เป็นคำพูดของเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์บ้านการ์ตูน “ไชยพิพัฒน์ มนประดิษฐ์” ที่ถูกมรสุมวิกฤตปี 40 โจมตีหนักเกือบสิ้นเนื้อประดาตัว แต่อาศัยความชอบส่วนตัว ประกอบกับเห็นโอกาสธุรกิจร้านหนังสือเช่า ก็สนใจไปขอคำปรึกษาจากเพื่อนที่ทำธุรกิจนี้อยู่ เพราะเชื่อว่าหากธุรกิจเริ่มจากความชอบน่าจะไปได้ดี
แต่ก่อนจะมาลงตัวที่ธุรกิจบ้านการ์ตูนเขาเคยทำงานมาหลายอย่าง ซึ่งล้วนอยู่ในแวดวงสิ่งพิมพ์ รวมถึงเป็นนักข่าวให้แก่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งมาหลายปี จนกระทั่งสำนักพิมพ์ปิดตัว ก็ย้ายไปอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งการทำงานด้านนี้มาจากใจรักในการอ่านหนังสือแทบทุกประเภท ต่อมาตัดสินใจดำเนินธุรกิจของตนเองกับบริษัทโฆษณาเล็กๆ เน้นงานออกแบบกราฟิก โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
กระทั่งปี 2540 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ และเป็นที่รู้กันว่าบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ต่างได้รับผลกระทบจนต้องล้มละลาย ทำให้เขาได้รับความเสียหายในธุรกิจไปด้วย กลายเป็นคนมีหนี้สินหลักล้านบาท แต่เขาก็ไม่ท้อ อาศัยเวลาเหล่านี้ไปพบปะเพื่อนฝูง หวังได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิต พูดคุยกันน่าจะคลายเครียดได้บ้าง
บังเอิญไปเจอเพื่อนคนหนึ่งเปิดร้านเช่าหนังสือการ์ตูนอยู่ใต้แฟลต ก็รู้สึกสนใจ หลังสอบถามรายได้ก็น่าจะมีความเป็นไปได้ทางธุรกิจ เพราะลึกๆ แล้วเคยฝันอยากมีร้านหนังสือเป็นของตัวเอง หลังได้แรงบันดาลใจจากการรับจ็อบขายหนังสือให้สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติตอนสมัยเรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย
เมื่อศึกษารูปแบบการลงทุน เขาตัดสินใจขายรถยนต์ที่เหลืออยู่เพียงคันเดียวของครอบครัว แปรเปลี่ยนเป็นเงินทุนสำหรับการเปิดร้านหนังสือเช่าหลักแสนบาท แต่ปัญหาที่เจอด่านแรกคือ ร้านประเภทนี้จะต้องเน้นไปที่หนังสือการ์ตูนเป็นหลัก แต่เขากลับ “ไม่เคยอ่านหนังสือการ์ตูน” มาก่อน!
จะทำอย่างไรให้หนังสือการ์ตูนเล่มเล็กๆ มาช่วยปลดหนี้ได้ เป็นสิ่งที่เขาต้องบริหารจัดการ และใช้ความพยายามอย่างหนัก เริ่มต้นศึกษาสิ่งที่ไม่เคยอ่าน อย่างหนังสือการ์ตูน ซึ่งเขาอาศัยความสัมพันธ์เก่าก่อน เคยติดต่อกับหลายสำนักพิมพ์ ส่งหนังสือการ์ตูนให้ แต่ก็ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จมากนัก เพราะหากย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วสำนักพิมพ์เหล่านี้จะไม่ค่อยชอบร้านหนังสือเช่ามากนัก เกรงว่าคนจะไม่ซื้อหันไปเช่าหนังสือแทน
ดังนั้นการจ้างคนที่มีความรู้เรื่องดังกล่าวตระเวนซื้อหนังสือตามสำนักพิมพ์ต่างๆ มาจัดสรรการ์ตูนใหม่ให้ในช่วงแรกจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด โดยเน้นการ์ตูนยอดนิยม พร้อมทั้งช่วยวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าในละแวกดังกล่าวว่าเป็นชายหรือหญิงมากกว่ากันเพื่อเลือกหนังสือได้ถูกต้องตรงตามกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งไชยพิพัฒน์ก็เรียนรู้ตลาดหนังสือการ์ตูนเพิ่มเติม เพราะคิดว่าหากจะจริงจังกับธุรกิจนี้ต้องศึกษาให้รู้จริง รวมถึงศึกษาทิศทางหนังสือการ์ตูนควบคู่ไปด้วย นำร่องทำเลใกล้บ้าน คือหมู่บ้านเสรี ย่านรามคำแหง เป็นแห่งแรก
ระยะ 1-2 ปีธุรกิจเริ่มอยู่ตัว พอเห็นรายได้เป็นกอบเป็นกำ จากเงินค่าเช่าและค่าปรับหนังสือเริ่มต้นที่เล่มละ 3 บาท (หนังสือราคา 35 บาท) จากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ยึดความต้องการลูกค้าเป็นหลัก กล่าวคือ มีการลงทุนสำหรับหนังสือใหม่อยู่ตลอดเวลา, เฟ้นหาหนังสือที่ลูกค้าต้องการอ่าน ไม่เฉพาะแต่หนังสือการ์ตูนมาให้บริการ รวมถึงราคาสมาชิกเพียงปีละ 50 บาทเท่านั้น กลายเป็นสิ่งมัดใจลูกค้ามาจนถึงทุกวันนี้ รวมระยะเวลากว่า 12 ปีเต็มที่ร้าน “บ้านการ์ตูน” เป็นขวัญใจนักอ่านทุกเพศทุกวัย
ปัจจุบันร้านบ้านการ์ตูนได้ขยายธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์มาประมาณ 9 ปีแล้ว ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนฝูง และลูกค้าขาประจำที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเองด้วยเงินลงทุนที่ไม่สูงมากนัก หากมีทำเลที่น่าสนใจ อย่างย่านชุมชน มหาวิทยาลัย สถานศึกษา แหล่งที่พักอาศัย
ความหลากหลายของหนังสือถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน เพราะจะทำให้ได้กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายเช่นกัน เขาจึงนำหนังสือ นิตยสารเก่าที่เคยอ่านมาให้เช่า ปรากฏว่าได้รับการตอบรับดีไม่แพ้หนังสือการ์ตูน ดังนั้นจึงเกิดไอเดียซื้อหนังสือที่กำลังเป็นที่นิยมในตลาดมาให้ลูกค้าอ่าน เช่น แฮร์รี่ พอตเตอร์, สตีฟ จ็อบส์ รวมถึงหนังสือการ์ตูนให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กของสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์
ส่วนการลงทุนในเรื่องแฟรนไชส์เริ่มต้นที่ 400,000 บาท พื้นที่ประมาณตึก 1 คูหา พร้อมหนังสือเตรียมเปิดร้านทันที ซึ่งขณะนี้แฟรนไชส์บ้านการ์ตูนมีกว่า 181 สาขา ทั่วทุกภูมิภาคของไทยแล้ว ถือเป็นแฟรนไชส์ร้านหนังสือเช่าแบบเต็มรูปแบบด้วยหนังสือการ์ตูนประมาณ 60% และนวนิยายอีก 40%
ขณะนี้การขยายสาขาของบ้านการ์ตูน เจ้าของธุรกิจบอกว่าจะเน้นตามต่างจังหวัดให้มากขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กที่พ่อแม่มีรายได้น้อยได้อ่านหนังสือที่มีประโยชน์ในราคาถูกบ้าง เพราะเขาเชื่อว่า “การอ่านไม่ว่าจะเป็นหนังสืออะไรก็ตามจะเป็นจุดเริ่มต้นของการอ่านทั้งปวง”
***สนใจติดต่อ 0-2722-2852, 08-7077-2510 หรือที่ www.baancartoon.co.th***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *