ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นกลายเป็นหนึ่งในธุรกิจร้านอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับนักลงทุนคนไทย จะเห็นได้จากการเกิดขึ้นใหม่ของร้านอาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะในย่านชุมชนที่เป็นแหล่งรวมของนักชอปกระเป๋าหนัก หรือย่านธุรกิจสำคัญที่มีนักลงทุนชาวญี่ปุ่น หรือนักท่องเที่ยว เช่น ย่านสุขุมวิท ซอยทองหล่อ สีลม รวมไปถึงตามห้างสรรพสินค้าเกือบทุกห้างต้องมีร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดให้บริการ
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่รุนแรงไม่ได้ส่งผลให้นักลงทุนไทยมองข้ามการเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นแต่อย่างใด เพราะผลตอบแทนที่ดี บวกกับเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงในช่วงที่ผ่านมา และสำหรับ HIKARU JAPANESE RESTAURANT เป็นหนึ่งในร้านอาหารญี่ปุ่นของนักลงทุนคนไทย ที่สำคัญคือมีเชฟเป็นคนไทยอีสานดีกรีเพียงแค่เด็กชั้นประถมที่เดินทางมาขายแรงงานในกรุงเทพฯ
ทั้งนี้ ความสามารถจากประสบการณ์ครูพักลักจำ และความมุ่งมั่นเรียนรู้จนวันนี้ เชฟมือหนึ่งของร้านอย่าง “วิระชัย ภารรัศมี” ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าของร้านผิดหวัง เพราะสามารถทำอาหารญี่ปุ่นให้คนญี่ปุ่นชื่นชม และเป็นลูกค้าประจำของร้าน HIKARU ได้ และที่ดูเหมือนจะสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ร้านอีกครั้งเมื่อได้รับเชิญไปออกรายการไอร่อนเชฟ หรือเชฟกระทะเหล็กไทยแลนด์
นางสาวสิริกร โอกาสเจริญ เจ้าของร้าน HIKARU เล่าถึงที่มาของร้าน HIKARU ว่า โดยส่วนตัวจะชอบกินอาหารญี่ปุ่น และมีคนญี่ปุ่นเจ้าของร้านเดิม ต้องเดินทางกลับประเทศ จึงตัดสินใจขายให้ และชอบกินอาหารญี่ปุ่นร้านนี้อยู่แล้ว ตัดสินใจซื้อกิจการของร้านเอาไว้เพื่อให้ร้านสามารถเปิดดำเนินกิจการต่อได้ และพนักงานจะได้มีงานทำต่อ เป็นที่มาของการทำธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น HIKARU
โดยยังคงรูปแบบของร้าน รวมไปถึงเมนูอาหารแบบเดิมของทางร้านไว้ คือ จะเป็นสไตล์โตเกียวดั้งเดิมทั้งอาหาร และการจัดร้าน จะปรับก็เพียงการตกแต่งร้านเพิ่มเติมให้ดูดีขึ้น ซึ่งจุดขายของร้าน HIKARU อยู่ที่เน้นความสดใหม่ และการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ โดยเฉพาะปลาดิบซาชิมิที่ต้องใช้ปลาที่สดเท่านั้น ในส่วนของอาหารจะคงรสชาติการปรุงในแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นให้ได้มากที่สุด เพราะเชฟได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อครัวชาวญี่ปุ่น จากเจ้าของร้านเดิม และจากประสบการณ์ที่เคยอยู่ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังมาก่อน ตรงจุดนี้ ทำให้ลูกค้าเดิมของร้าน HIKARU ส่วนใหญ่ 70% เป็นคนญี่ปุ่น ที่ทำงานอยู่ในย่านถนนสุรวงศ์ และในตึก CCT TOWER ถนนสุรวงศ์ บางรัก กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้าน
สำหรับเมนูอาหารไม่ได้แตกต่างจากร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป เมนูแนะนำของทางร้าน กุ้งเทมปุระ ข้าวหน้าปลาดิบรวม ปลาไหลย่าง ฯลฯ ซึ่งทางร้านจะมีเมนูให้เลือกมากกว่า 100 เมนู พร้อมกับเมนูใหม่ที่เชฟ และทีมงานพยายามคิดขึ้นมา ส่วนของราคา เริ่มต้นที่ 80 บาท ไปจนถึง 500 บาท ราคาเฉลี่ยหลัก 100-200 บาท คุณสิริกรบอกกับเราว่า เธอตั้งราคาจากประสบการณ์ที่ตัวเองเป็นคนชอบตระเวนกิน ทำให้ทราบดีว่าควรจะตั้งราคาเท่าไหร่ สำหรับอาหารในแบบของเรา ซึ่งก็เป็นราคาที่ถือว่าเหมาะสมกับคุณภาพ สถานที่
โดยร้านแห่งนี้ ทางคุณสิริกรได้ใช้เงินลงทุนทั้งตกแต่งร้าน และการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ ทำให้ต้องใช้จ่ายเงินลงทุนไปแล้วเกือบ 3 ล้านบาท กับการเปิดให้บริการมาประมาณ 2 ปี โอกาสคืนทุนตั้งไว้ 3-5 ปี รายได้ต่อเดือนหลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000-50,000 บาท
นางสาวสิริกรเล่าว่า ปัญหาของทางร้านในช่วงการเปิดบริการช่วงแรก ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการอยู่ในสัดส่วนที่ถือว่ายังน้อยมาก ทั้งที่รสชาติอาหารอยู่ในระดับที่น่าจะไปได้ จากการบอกกล่าวของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งลูกค้าที่ได้ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำ โดยเฉพาะลูกค้าคนไทยค่อนข้างน้อย โชคดีที่เราได้มาเป็นลูกค้าของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จากโครงการเงินกู้ SME POWER ทางธนาคารได้ส่งผู้เชี่ยวชาญจากประเทศญี่ปุ่นมาช่วยแนะนำด้านการบริการ และการสร้างจุดขายเรื่องของทำเลที่ตั้งที่มีปัญหา ป้ายร้านมองในมุมไกลจึงจะเห็น แนะนำให้ทำป้ายให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งปัจจุบันในส่วนของลูกค้าถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าคนไทยเริ่มเป็นที่รู้จัก ส่วนหนึ่งมาจากการบอกกันแบบปากต่อปาก และการแนะนำร้านผ่านทางอินเทอร์เน็ต
โทร. 0-2238-4369, 08-6308-7185