ขึ้นชื่อว่าเครื่องหอม สำหรับคนไทยจะรู้จักกันในชื่อของบุหงารำไป หรือดอกไม้ที่ปรุงด้วยเครื่องหอมแล้วบรรจุในถุงผ้าโปร่งเล็กๆ ส่งกลิ่นหอมสร้างชื่อในไทยและต่างประเทศ เห็นได้จากบริษัทผู้ส่งออกบุหงารำไปนานกว่า 30 ปีอย่างแบรนด์ “Prosper” (พรอสเพอร์) สะสมประสบการณ์ยาวนาน ล่าสุดประยุกต์ผลไม้ใส่กลิ่นเจาะตลาดไทย
กลิ่นรัญจวนจากดอกไม้ไทยเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่บรรพบุรุษที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น แต่สำหรับบริษัท พรอสเพอร์ จำกัด กลับได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากต่างประเทศ ถูกวางตำแหน่งให้เป็นผู้รับจ้างผลิตเมื่อ 30 ปีที่แล้ว จนกระทั่งสามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองได้สำเร็จ เจาะตลาดต่างประเทศ 100% ซึ่ง “จันทิมา เทศศิริ” เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายและฝ่ายการตลาดอาวุโส ย้อนอดีตการเริ่มต้นธุรกิจนี้ว่า เดิมครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกสินค้าจากธรรมชาติ เช่น เขาควาย หนังสัตว์ จนกระทั่งมีบริษัทจากต่างประเทศต้องการบุหงารำไป โดยมาสอนวิธีการผลิตให้หมดเปลือก หวังเห็นศักยภาพบริษัทฯ ว่าสามารถป้อนสินค้าให้ตามที่ต้องการได้
ส่งผลให้ตั้งแต่บัดนั้นบริษัทฯ ก็แปรเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจมาเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าประเภทเครื่องหอม ถุงหอม ดอกไม้แห้งอบหอมมานานกว่า 30 ปี และสร้างแบรนด์ Prosper เป็นของตัวเองให้ลูกค้าจดจำ โดยวางตำแหน่งสินค้าเพื่อการส่งออกทั้งหมดไปยังประเทศแถบยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง ประมาณ 90% ส่วนอีก 10% เป็นตลาดสหรัฐฯ ปัจจุบันมีประมาณ 40 กลิ่นให้ลูกค้าได้เลือกสรร
จากประสบการณ์ในแวดวงเครื่องหอมจากดอกไม้อบแห้ง ผู้บริหารเริ่มหันมองเศษวัสดุจากธรรมชาติเหลือใช้ โดยเฉพาะผลไม้ และเปลือกผลไม้ไทย มาศึกษาในเรื่องของการดูดซับกลิ่น จนค้นพบว่ามีหลากหลายชนิดที่สามารถนำมาผสมผสานกับดอกไม้กลายเป็นเครื่องหอมอีกหนึ่งดีไซน์ได้ เช่น เปลือกมะพร้าว มะกอกจิก มะกอกป่า มะกัก มะตูม กลีบลูกตาล และส้มโอ เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเศษวัสดุเหลือใช้ที่ได้จากธรรมชาติ แถมเมื่อนำมาเพิ่มสีสันก็กลายเป็นของขวัญ ของฝาก และของตกแต่งบ้านที่น่าประทับใจไม่น้อย
“ในช่วงแรกเราได้นำดอกไม้มาใส่กลิ่นหอม กลายเป็นบุหงารำไปที่คนไทยคุ้นเคย แต่ต่อมาเมื่อมีความชำนาญ และมีการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง ก็เริ่มมองหาวัสดุอื่นๆ เข้ามาทดแทนบ้าง หวังช่วยเพิ่มความสวยงามและความแปลกใหม่ให้แก่ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเศษวัสดุเหลือใช้จากธรรมชาติเป็นสิ่งที่บริษัทฯ มองเป็นอันดับแรก โดยเน้นพืชเมืองร้อน เพราะเป็นสิ่งที่ลูกค้าในแถบยุโรปและอเมริกาไม่ค่อยได้พบเห็น ซึ่งทีมงานก็พยายามเฟ้นหาวัสดุที่มีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่นได้ดี ซึ่งกากมะพร้าว ซังข้าวโพด และส้มโอ มีคุณสมบัติดังกล่าว ทางเราจึงเลือกนำมาใช้”
การใช้สีเข้ามาช่วยเพิ่มสีสันก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ Prosper ไม่มองข้าม เพราะเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจลูกค้าให้สนใจสินค้า ซึ่งสีที่เราใช้จะสอดคล้องกับการเลือกใช้กลิ่นด้วย เช่น สีเขียว เป็นกลิ่น Woodland Blossom, สีส้ม จะออกเป็นกลิ่นส้ม และพันธุ์พืช เนื่องจากส่วนหนึ่งในการตัดสินใจซื้อสินค้าจะใช้อารมณ์ในการตัดสินเป็นอันดับแรก และเมื่อมีการจัดแต่งรูปแบบ และบรรจุภัณฑ์ให้น่าสนใจก็ช่วยเพิ่มยอดขายได้อีกทางหนึ่ง
แม้ที่ผ่านมาสินค้าของ Prosper จะส่งออกไปยังต่างประเทศทั้งหมด แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจโลกค่อนข้างซบเซา โดยเฉพาะตลาดแถบยุโรป ดังนั้นผู้บริหารจึงเริ่มมองตลาดเอเชีย และประเทศไทย หลังพบยังพอมีช่องว่างทางการตลาดอยู่ รวมถึงสินค้าลักษณะนี้คนไทยมียอดการนำเข้าทุกปี โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าตามโรงแรม รีสอร์ต ที่มักสั่งซื้อไปประดับตกแต่งตามเทศกาลต่างๆ ดังนั้นถือว่าตลาดในไทยยังมีความต้องการสินค้าประเภทเครื่องหอมอบแห้งอยู่
“การที่เราคุ้นชินกับการทำตลาดในต่างประเทศมาหลายสิบปี แต่เมื่อต้องเจาะลึกตลาดไทยอย่างจริงจัง จึงต้องศึกษาความต้องการของลูกค้า ช่องทางการจำหน่าย การกำหนดราคาใหม่ที่คนไทยสามารถตัดสินใจซื้อได้ไม่ยาก และการศึกษาคู่แข่ง ที่ขณะนี้ประเทศจีน อินเดีย ถือเป็นคู่แข่งที่สำคัญ โดยเฉพาะเรื่องราคา ซึ่งเราจะไม่ลงไปแข่งในเรื่องของราคา แต่จะสู้ด้วยการดีไซน์ที่แตกต่าง โดยเบื้องต้นได้นำสินค้าไปวางจำหน่ายย่านใจกลางเมือง แหล่งท่องเที่ยว เช่น อัมรินทร์พลาซ่า รวมถึงกำลังเจาะช่องทางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่อไป”
การเปิดตัวในตลาดไทยครั้งแรกทาง Prosper เลือกออกบูทในงาน Amazing Thailand Grand Sale 2012 Fair ในระหว่างวันที่ 26-29 กรกฎาคม 2555 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่ทาง Prosper เปิดโอกาสให้ผู้สนใจทดลองทำเครื่องหอมด้วยตัวเอง พร้อมนำกลับไปเพิ่มความหอมที่บ้านได้อีกด้วย
***สนใจติดต่อ 0-2381-2328 ต่อ 20 หรือที่ www.prosper.co.th***