บสย.จับมือ 17 สถาบันการเงินแก้ปมเอสเอ็มอีเข้าไม่ถึงแหล่งทุน เดินหน้า 2 โครงการค้ำประกันสินเชื่อ ช่วยเอสเอ็มอีรวยศักยภาพแต่ขาดหลักทรัพย์ วงเงิน 24,000 ลบ. พร้อมค้ำประกันเอสเอ็มอีหน้าใหม่ เริ่มธุรกิจไม่เกิน 2 ปี วงเงิน 10,000 ลบ.
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้ร่วมมือกับ 17 สถาบันการเงินของไทยจัดทำโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้มากยิ่งขึ้น โดยแบ่งเป็น 2 โครงการ ได้แก่ 1. Portfolio Guarantee Scheme (PGS) ระยะที่ 4 โดยเป็นการค้ำประกันสินเชื่อให้เอสเอ็มอีที่มีศักยภาพแต่ขาดหลักประกัน มีวงเงินค้ำรวม 24,000 ล้านบาท ระยะเวลาค้ำสูงสุด 5 ปี วงเงินค้ำสูงสุดต่อรายไม่เกิน 40 ล้านบาท ค่าธรรมเนียม 1.75% ต่อปี สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2555 หรือจนกว่าวงเงินจะหมด
และ 2. ค้ำประกันให้แก่เอสเอ็มอีที่เพิ่งเริ่มกิจการใหม่ไม่เกิน 2 ปี มีวงเงินค้ำรวม 10,000 ล้านบาท ระยะเวลาค้ำสูงสุด 7 ปี วงเงินค้ำสูงสุดต่อรายไม่เกิน 2 ล้านบาท ค่าธรรมเนียม 2.5% ต่อปี โดยรัฐบาลจะชดเชยให้ในปีแรก 1.75% และผู้ประกอบการจ่ายเอง 0.75% สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2555
นายวิรุฬระบุด้วยว่า จากการสอบถามปัญหาของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ที่ผ่านมาแทบทั้งหมดจะระบุตรงกันว่าเข้าถึงแหล่งเงินทุนของสถาบันการเงินได้ยาก เนื่องจากขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน รวมถึงเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ ทำให้สถาบันการเงินไม่กล้าปล่อยสินเชื่อ ทางรัฐบาลจึงพยายามให้ บสย.เข้ามาเป็นกลไกในการช่วยเหลือให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้มากยิ่งขึ้น
ด้านนายวิบูลย์ เพิ่มอารยวงศ์ กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. เสริมว่า โครงการ PGS ระยะที่ 1-3 ที่ผ่านมา บสย.มีวงเงินค้ำประกันเอสเอ็มอีทั่วประเทศกว่า 95,000 ล้านบาท และยอดที่สถาบันการเงินอนุมัติแล้วกว่า 169,000 ล้านบาท สำหรับเป้าในปีนี้ (2555) บสย.คาดว่าจะค้ำประกันสินเชื่อให้เอสเอ็มอีได้กว่า 60,000 ล้านบาท โดยยอดค้ำประกันในปีนี้นับถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2555 ค้ำประกันให้เอสเอ็มอีแล้วกว่า 11,000 ล้านบาท ส่วนยอดค้ำประกันทั้งหมดที่ผ่านมามีจำนวนกว่า 183,000 ล้านบาท ประมาณ 63,000 ราย
