“ดอกไม้จันทน์” ที่เห็นชินตาโดยทั่วไป มักมีรูปแบบเป็นกระดาษสีครีมพับเป็นดอกไม้แบบง่ายๆ แต่ด้วยฝีมือสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการ จ.สระบุรี พลิกโฉมดอกไม้จันทน์ให้กลายเป็นดอกไม้รูปแบบสวยงาม มากสีสันและหลากรูปแบบ ประดิษฐ์อย่างประณีตบรรจง ภายใต้แนวคิดอยากให้ดอกไม้จันทน์เป็นตัวแทนความรัก ความอาลัยที่ผู้จัดพิธีศพต้องการมอบแด่ผู้จากไปอย่างดีที่สุด
เจ้าของ และผู้บุกเบิกดอกไม้จันทน์รูปโฉมใหม่ ได้แก่ “ผ่องฉวี กองสุผล” จากแรงบันดาลใจที่มองตลาดดอกไม้จันทน์เป็นตลาดกว้างมาก เพราะทุกๆ วันจะมีผู้เสียชีวิตต้องเข้าพิธีเผาศพ และดอกไม้จันทน์เป็นอุปกรณ์ใช้คู่ในพิธีเสมอ ทว่า ที่ผ่านมา ดอกไม้จันทน์ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ มาตลอดเป็นระยะเวลายาวนาน แสดงให้เห็นว่า ดอกไม้จันทน์แทบจะไม่เคยถูกพัฒนาให้ต่างไปจากอดีตเลย กลายเป็นที่มาของแนวคิดพลิกโฉมดอกไม้จันทน์ให้มีความสวยงามและมากคุณค่ากว่าที่เคยมีมา
ผ่องฉวี ระบุว่า กำแพงที่ขวางการพัฒนารูปแบบดอกไม้จันทน์ตลอดมา คือ “ทัศนคติ” โดยผู้จัดพิธีศพบางคนมองว่าเป็นอุปกรณ์ไม่สำคัญ ใช้แค่ครั้งเดียวในเวลาไม่นานก็เผาทิ้งแล้ว กับอีกกลุ่ม เชื่อว่า ดอกไม้จันทน์เป็นอุปกรณ์ใช้ในงานโศกเศร้า ไม่เป็นมงคล ควรใช้รูปแบบเดิมจะเหมาะสมมากกว่า ฉะนั้น สิ่งสำคัญที่จะทำให้ดอกไม้จันทน์รูปแบบใหม่เป็นที่นิยม ต้องเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อดอกไม้จันทน์ ให้กลับมามองว่า ดอกไม้จันทน์เป็นสื่อแทนความรัก ความอาลัย ซึ่งคนที่ยังอยู่อยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุด ให้แก่ผู้จากไปเป็นครั้งสุดท้าย
“หลายคนเข้าใจว่า ดอกไม้จันทน์ใช้ในพิธีศพต้องเป็นรูปแบบเดิมๆ เท่านั้น ทั้งที่ข้อเท็จจริง ไม่มีการกำหนดรูปแบบตายตัวเลย รวมถึง บางคนคิดว่าไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลือง เพราะใช้ครั้งเดียวก็เผาทิ้งแล้ว แต่ดิฉันพยายามปรับแนวคิดให้เห็นว่า ‘ทำไมเพื่อคนที่คุณรัก จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ไม่ได้’ ซึ่งดอกไม้จันทน์ที่ทำด้วยความประณีตสวยงาม เอาใจใส่ จะเป็นสิ่งบ่งบอกความตั้งใจดีส่งไปสู่ผู้ตาย รวมถึง ด้วยเจตนาดีของผู้จัดงาน และการผลิตที่ตั้งใจดีเช่นกัน ทำให้ดอกไม้จันทน์เป็นสิริมงคลแก่ผู้จัดงานด้วย”
ในด้านการผลิตนั้น ผ่องฉวี เล่าว่า มีฝีมือประดิษฐ์งานดอกไม้กระดาษติดตัวอยู่แล้ว โดยไปสอนวิธีทำแก่ชาวบ้านเพื่อดึงมาเป็นแรงงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี ปัจจุบัน มีทีมงานประมาณ 30 คน สามารถผลิตได้เต็มที่ประมาณ 5,000 ดอกต่อเดือน โดยวัสดุหลักที่ใช้ มีเพียงแค่กระดาษ A4 ธรรมดาๆ เท่านั้น ซึ่งจะเลือกใช้หลายสี เช่น ชมพู ฟ้า เหลือง ขาว เป็นต้น นำมาประดิษฐ์เป็นดอกไม้ชนิดต่างๆ ได้แก่ ดอกกุหลาบตูม ดอกกุหลาบบาน ดอกทิวลิป ดอกแก้ว และดอกลีลาวดี
นอกจากนั้น ยังเพิ่มเติมความสวยงามด้วยการประดับใบไม้ประดิษฐ์ หรือโบว์ รวมถึง จัดเป็นช่อสำหรับเป็น “ช่อประธาน” รวมถึง ยังจัดเป็นพวงหรีด ซึ่งเพิ่มเติมประโยชน์ใช้สอย โดยนำอุปกรณ์อื่นๆ มาผสม เช่น นาฬิกาแขวน พัดลม โคมไฟ เป็นต้น เพื่อให้หลังเสร็จพิธี สามารถถอดไปใช้ประโยชน์ต่อได้
เจ้าของธุรกิจ เผยด้วยว่า ดอกไม้จันทน์รูปแบบเดิม ในท้องตลาดทั่วไป ขายราคาดอกละ 1-1.5 บาทเท่านั้น แต่เมื่อมาทำเป็นดอกไม้จันทน์รูปแบบใหม่ เพิ่มมูลค่าได้หลายเท่าตัว โดยแบบเป็นดอกเดียว ราคา 3.5-8 บาทต่อดอก ส่วนช่อประธาน 35-60 บาท ส่วนพวงหรีดอยู่ที่ 600-2,000 บาท
กลุ่มลูกค้า มีทั้งผู้จัดงานที่สั่งไปใช้ในพิธีศพของญาติ หรือคนสนิทของตัวเองโดยตรง กับกลุ่มบริษัท ห้างร้านต่างๆ ที่สั่งพวงหรีดไปร่วมในพิธีศพของลูกค้า หรือผู้มีอุปการคุณ ซึ่งจากความสวยงามโดดเด่น ถือเป็นการให้เกียรติแก่เจ้าของงานเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ช่องทางตลาด ส่วนใหญ่ลูกค้าจะรู้จักจากการบอกปากต่อปาก แล้วติดต่อสั่งออเดอร์เข้ามาเอง รวมถึง เร็วๆ นี้ จะส่งเข้าร้านขายอุปกรณ์สำหรับพิธีศพ และร้านอุปกรณ์สังฆภัณฑ์ เป็นต้น
สำหรับการออกแบบดอกไม้ประดิษฐ์เป็นช่อ หรือจัดเป็นพวงหรีดนั้น ผ่องฉวี บอกว่า สร้างสรรค์ขึ้นเองจากนั้นจะไปสอนให้แรงงานกลุ่มแม่บ้านทำตาม โดยพัฒนารูปแบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความหลากหลาย และแปลกใหม่อยู่เสมอ ซึ่งในปี พ.ศ.2552 ได้รับคัดเลือกเป็นสินค้าโอทอป ระดับ 5 ดาว รวมถึง กระทรวงพาณิชย์ ยังคัดเลือกให้สินค้า OTOP Select ที่พร้อมจะต่อยอดไปสู่ระดับส่งออกได้ด้วย
เจ้าของธุรกิจ เผยด้วยว่า ปัจจุบัน ตลาดให้การตอบรับดอกไม้จันทน์รูปโฉมใหม่อย่างดียิ่ง ถึงขั้นผลิตไม่ทันต่อความต้องการ ขณะนี้พยายามขยายกำลังผลิต โดยเปิดสอนแก่ผู้สนใจเข้ามาเรียนรู้วิธีทำดอกไม้ประดิษฐ์ เพื่อจะดึงเป็นแรงงานต่อไป สำหรับผู้ที่อยากยึดอาชีพนี้ ถ้ามีใจรักควบคู่กับตั้งใจจริง ระยะเวลาแค่ 1 วันสามารถทำแบบง่ายๆ ได้แล้ว ซึ่งจะเป็นช่องทางหารายได้เสริมอีกทางหนึ่งด้วย
@@@@@@@@@@@@
โทร.08-6012-5365 หรือ www.facebook.com/saraburwreath