กรมส่งออกดันอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนังสุดตัว หลังพบยอดส่งออกเพิ่ม และดีไซเนอร์ไทยมีศักยภาพ ด้านผู้ประกอบการเครื่องนุ่งห่มเตรียมย้ายฐานการผลิตไปเวียดนาม เปรยสู้ค่าแรง 300 บ. ไม่ไหว และหวั่นน้ำท่วมซ้ำซาก
นางสาวจตุพร วัฒนสุวรรณ นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนังไทย ว่าขณะนี้ผู้ประกอบการมีศักยภาพสูง ซึ่งผลงานมีความโดดเด่นและมีโอกาสเติบโตได้ทั้งในและต่างประเทศ โดยกรมฯ ได้สนับสนุนด้านการตลาด โดยเฉพาะการทำการตลาดของอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนัง จะเน้นการนำเสนอสินค้าให้น่าสนใจและสร้างความโดดเด่นเพื่อแข่งขันในเวทีระดับโลก ส่วนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนังไทย เป็นการให้ข้อมูลเพื่อรับรู้ถึงความต้องการของดีไซเนอร์ชื่อดังจากต่างประเทศอังกฤษ เพื่อปรับวัตถุดิบให้ทันต่อตลาดโลก
ทั้งนี้ล่าสุดกรมส่งเสริมการส่งออกจัดงาน BIFF&BIL 2012 ครั้งที่ 31ขึ้น โดยร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมทอผ้าไทย ซึ่งคาดว่าจะเป็นการก้าวกระโดดของการจัดงานแสดงสินค้าที่ยกระดับความเป็นมืออาชีพและเทียบเท่านานาชาติได้ โดยในปีนี้จะเชิญประเทศในกลุ่มอาเซียนเข้าร่วมงานมากกว่าปีที่ผ่านมา รวมถึงเชิญผู้รู้ด้านแฟชั่นแนะนำพร้อมให้เกร็ดความรู้แก่ผู้ประกอบการอีกด้วย
ด้านนายสมศักดิ์ ศรีสุภรวาณิชย์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมทอผ้าไทย และประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมสิ่งทอไทยมีอัตราเติบโตสูงมากโดยเฉพาะตลาดส่งออกที่เมื่อปี 2554 โต 7.5% จากมูลค่า 7,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 8,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มอัตราการเติบโตน้อยกว่าหลังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ส่งผลให้ผู้ประกอบการเตรียมย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเวียดนาม เนื่องจากค่าแรงงานถูกกว่าไทย การขนส่งไปยังประเทศคู่ค้าสะดวก และระบบภาษีเอื้อต่อการส่งออก
ส่วนอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย ลูกค้าชาวญี่ปุ่น เริ่มหันมาสั่งซื้อจากไทยมากขึ้น จากเดิมสั่งซื้อจากประเทศจีนเกือบ 90% ลดลงเหลือเพียง 70% เท่านั้น ทำให้เป็นเครื่องยืนยันคุณภาพสิ่งทอไทยได้เป็นอย่างดี จากความโดดเด่นในเรื่องเส้นใย และเทคโนโลยีโรงย้อมที่มีศักยภาพในปัจจุบัน
