หากย้อนไปเมื่อ5 ปี ที่ผ่านมา ความแรงของเบเกอรี่รูปลักษณ์แปลก บวกกับความหอมเฉพาะตัวของแมกซิกันบัน หรือที่รู้จักในนาม 'โรตี บอย' กลายเป็นกระแสสังคมที่ผู้คนพูดถึงมากที่สุด ณ เวลานั้น สุดท้ายก็ต้องจบไปพร้อมพฤติกรรมคนไทยกับความเห่ออายุสั้น แต่สำหรับ Mr.Bun งัดกลยุทธ์การปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดไม่จบไปตามกระแสสังคม ตามความเชื่อที่ว่าธุรกิจอยู่ได้ก็ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ดีไม่ใช่สินค้ากระแส
ความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าและแผนการตลาด ที่วางไว้ให้กับธุรกิจ Mr.Bun ทำให้ 'นายอนุสรณ์ ตันยากุล' กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัน จำกัด มีการปรับแผนกลยุทธ์การตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์จริงและพฤติกรรมผู้บริโภค อาศัยประสบการณ์ด้านการบริหารธุรกิจอาหารในสหรัฐอเมริกามาร่วม 10 ปี และกลับมาทำงานในแวดวงอาหารที่ประเทศไทยประมาณ 20 ปี ทำให้มั่นใจในศักยภาพสินค้าที่จะสามารถนำพาให้ธุรกิจอยู่รอดได้
“การตลาดถือเป็นหัวใจสำคัญของ Mr.Bun โดยมีการปรับแผนธุรกิจเริ่มจากการ Re-Branding 360 องศาในปี 2552 ทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2553 มีการเติบโตมากขึ้นถึง 200% จากการส่งผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดเพิ่มขึ้นกว่า 10 ชนิด รวมถึงการขยายสาขาเพิ่มทั่วประเทศ 70 สาขา ในขณะที่การบริหารสาขา ทางบริษัทฯ ยังได้เริ่มต้นทดลองทำตลาด ในส่วนของการขายแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 ของปี 2553 ที่ผ่านมา”
การที่นายอนุสรณ์ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์เป็นหลัก ทำให้การก้าวเข้าสู่ “Bunnovation” วางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ไว้ 4 ด้าน คือ 1. ความมีเอกลักษณ์ของสินค้า (Uniqueness) เน้นพัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้อย่างครอบคลุมที่สุด พัฒนาไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่เป็น “Signature products” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิสเตอร์บัน เช่น ขนมปังสติ๊ก เบคโก้ริง (โดนัทอบ) เพรสเซลกรอบ และครัวซองต์เนยสด ซึ่งถือเป็นสินค้าที่สามารถทำยอดจำหน่ายได้ถึง 3 ล้านชิ้นภายใน 18 เดือนหรือคิดเป็น 15% ของยอดขายรวมทุกผลิตภัณฑ์
2.ด้านความเป็นมิตรกับสุขภาพ (Healthy) วางตำแหน่งเป็นขนมปังอบสดจากเตา ทำให้ไม่มีสารตกค้างจากน้ำมันทอด โดยบริษัทฯ ยังออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพิ่มเติม “Best Malt” เครื่องดื่มมอลต์สกัดที่ให้ประโยชน์และคุณค่าทางอาหาร และ “Bunwich” หรือบันแซนวิช ที่เป็นการเติมเต็มคุณค่าทางอาหาร และความหลากหลายของรสชาติ ด้วยผักและเนื้อสัตว์ และยังรวมไปถึง เบคโก้ริง หรือโดนัทอบ ซึ่งเป็นโดนัทที่ไม่ได้ใช้น้ำมันในการทอดเพื่อหลีกเลี่ยงจากไขมันอิ่มตัวหรือ Transfat
3. ความคุ้มค่าและหลากหลาย (Value and Variety) ขนมปังอบราคาไม่แพง แต่อุดมไปด้วยคุณภาพและความหลากหลายทั้งในรูปแบบและรสชาติ ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มต้นทำตลาด จนถึงปัจจุบันมิสเตอร์บันมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกถึง 27 ชนิด และ 4. การคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ (Quality) โดยตลอดมามิสเตอร์บันใส่ใจต่อการคัดเลือกวัตถุดิบที่จะมาทำขนมปังอย่างมากเพื่อให้ได้มาซึ่งขนมปังที่มีคุณภาพและรสชาติเป็นเยี่ยม
สำหรับในปี 2554 นายอนุสรณ์ได้วางแผนการตลาดระยะยาว 5 ปี ถึงปี 2559 แบ่งเป็นด้านผลิตภัณฑ์ “Product Excellence” ที่จะมีการพัฒนาอย่างเด่นชัด โดยการต่อยอดจากจุดแข็งของตัวผลิตภัณฑ์สู่ผลงานศิลปะบนแป้งขนมปัง ซึ่งสร้างสรรค์โดย “บันอาร์ทติส” ของบริษัทฯ สู่การเป็น “Bunnovation” ส่วนในด้านการบริหารการตลาด บริษัทฯ จะเน้นพัฒนารูปแบบการขยายสาขาสู่ธุรกิจแฟรนไชส์ “Franchise Excellence” แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1.แฮปปี้แฟรนไชส์ จะเป็นรูปแบบการลงทุนสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ ใช้เงินลงทุนขั้นต่ำ 1 ล้านบาท และ2.แฟรนไชส์อิ่มอร่อย เหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์ทำธุรกิจมาระยะหนึ่งแล้ว ใช้เงินลงทุนประมาณ 1-2 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนสาขาของบริษัทอยู่ที่ 85% และแฟรนไชส์ 25% คาดจะครบ 100 สาขาในปี 2554 ซึ่งนอกจากมีการออกแบบการบริหารแฟรนไชส์อย่างมีระบบแล้ว ยังรวมไปถึงแผนการสนับสนุนทางด้านการตลาดเพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่อนาคตภายใน 5 ปี บริษัทฯ จะขยายสาขาแฟรนไชส์มากขึ้น พร้อมดันธุรกิจก้าวสู่การเป็นหนึ่งในตลาดขนมปังในประเทศไทยให้ได้
***สนใจติดต่อ 0-2992-6777***
