เป็นเวลากว่า 7 ปีแล้ว ที่ขนมปังทอดรูปแบบ FRENCH TOAST สัญชาติไทย ในชื่อ “กา-เต้” (KA-TE’) เปิดบริการแก่ลูกค้าในทำเลบนสถานีรถไฟฟ้า BTS ต่างๆ จนมีลูกค้าขาประจำค่อนข้างแน่นอน สามารถปรับตัวทางธุรกิจ ยืนหยัดเป็นผู้ผลิตสินค้าประเภทนี้อย่างจริงจังรายเดียวในปัจจุบัน
เจ้าของธุรกิจ คือ ถาวร กฤษณัมพก เริ่มต้นจากเคยทำงานประจำในโรงงานผลิตขนมปังแห่งหนึ่ง เมื่อสะสมประสบการณ์พร้อม ทั้งด้านแหล่งวัตถุดิบ และเครือข่ายธุรกิจ ได้แยกออกมาสร้างธุรกิจเองเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว
ถาวร เสริมว่า ขนมปังทอด “กา-เต้” มีพื้นฐานมาจาก FRENCH TOAST ซึ่งเป็นขนมปังชุบไข่สด กับเนยสด สอดไส้ต่างๆ ทอดบนกระทะร้อนๆ จนหอมหวาน โดยนำมาปรับรสชาติ และพัฒนาไส้ให้หลากหลาย ถูกปากคนไทยมากยิ่งขึ้น เจาะจงเลือกทำเลขายบนสถานีรถไฟฟ้า BTS ตั้งแต่แรก เนื่องจากเป็นทำเลที่เหมาะกับลักษณะของอาหารที่จะซื้อกินในชั่วโมงเร่งด่วน ตอนเช้าก่อนเข้าทำงาน หรือตอนเย็นก่อนกลับบ้าน อีกทั้ง ยังตรงกับลูกค้าเป้าหมายที่มุ่งคนเมืองระดับกลางบนขึ้นไป เช่น พนักงานออฟฟิส นักเรียน นักศึกษา เป็นต้น
ปัจจุบัน มีทั้งหมด 11 สาขา กระจายอยู่ตามสถานีรถไฟฟ้าต่างๆ นับตั้งแต่เปิดร้านมา ยังไม่มีสาขาใด ต้องปิดลง ในขณะที่เจ้าอื่นๆ ที่ทำสินค้าประเภทใกล้เคียงกัน ยุติกิจการไปหมดแล้ว โดยเหตุผลสำคัญมาจากไม่สามารถรักษาคุณภาพได้
“ขนมนี้คุมคุณภาพยากมาก ต้องมีตู้แช่เย็นอยู่ที่จุดขาย สำหรับเก็บวัตถุดิบขนมปัง ไข่สดกับเนยสด และไส้ต่างๆ อีกทั้ง พนักงานต้องเอาใจใส่ในการทอดอย่างมาก และที่สำคัญอายุการเก็บวัตถุดิบสั้น ไม่เกิน 5 วัน เหล่านี้ ทำให้ยากจะคุมคุณภาพ ดังนั้น ผมจึงมีแค่ 11 สาขา เจาะจงเฉพาะบนสถานี BTS ที่เราคิดว่าดูแลคุณภาพได้ทั่วถึง ส่วนเจ้าอื่นๆ ที่เคยขยายสาขาออกไปจำนวนมาก ล้วนแต่ประสบปัญหาด้านคุณภาพทั้งหมด” ถาวร อธิบาย
สำหรับขนมปังทอด “กา-เต้” มีทั้งหมด 7 ไส้ ได้แก่ หมูพริกเผา แฮม ทูน่า ซุปข้าวโพด ปูอัด ชิ้นละ 15 บาท ส่วนไส้กรอกชีส และพิซซ่าแฮม ชิ้นละ19 บาท โดยวิธีการบริหารร้านจะใช้ระบบครัวกลาง ส่งวัตถุดิบขนมปังสดบรรจุไส้ต่างๆ กับไข่สดผสมเนยสดไปตามสาขาต่างๆ ทุกวัน พนักงานประจำสาขามีหน้าที่นำขนมปังชุบส่วนผสมแล้วทอด ใส่บรรจุภัณฑ์ และขายเท่านั้น
ถาวร เล่าต่อว่า ยอดขายรวมทั้ง 11 สาขา ประมาณ 40,000-50,000 บาทต่อวัน กำไรอยู่ประมาณ 20% ซึ่งเป็นยอดคงที่มาเป็นเวลานานแล้ว เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องคุมคุณภาพดังกล่าวข้างต้น โอกาสเพิ่มยอดขายทำได้ยาก ดังนั้น แนวทางปรับตัว เตรียมจะรีแบรนด์เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้นอีกประมาณวันละ 10%
“ด้านภาพลักษณ์ภายนอก คีออสที่เสื่อมโทรมลงตามอายุการใช้งาน จะทยอยเปลี่ยนรูปแบบใหม่ทั้งหมด รวมถึง ตู้เย็นจะใช้รุ่นใหม่ที่ขนาดเล็กลง สวยงามและใช้งานสะดวกขึ้น ขณะที่ ตัวสินค้าจะเพิ่มไส้ใหม่ๆ และพยายามปิดจุดอ่อนเรื่องเสียเร็ว โดยออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นขนมปังทอดบรรจุซองสุญญากาศที่อายุเก็บได้นานขึ้นประมาณ 1 สัปดาห์ นอกจากนั้น ขายสินค้าเสริม ที่ตอนนี้เรามีกาแฟสด ให้ลูกค้าซื้อกินคู่กับขนมปัง ผมหวังว่า ทั้งหมดนี้จะช่วยกระตุ้นลูกค้า ทั้งรายเดิมจะซื้อมากยิ่งขึ้น และรายใหม่ ที่ยังไม่เคยรู้จักเราเลย ให้อยากมาลองบ้าง ซึ่งคีออสใหม่จะเริ่มสาขาแรก ที่สถานีพญาไท ประมาณต้นเดือนสิงหาคม จากนั้น ทยอยเปลี่ยนทีละสาขา จนครบทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ (2554)” ถาวร เผยถึงแผนยกเครื่องธุรกิจ
นอกจากนั้น สำหรับกลุ่มร้านกาแฟที่เดิมติดต่ออยากสั่งขนมปังทอดไปขายในร้าน แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากอายุการเก็บสั้น จึงได้แตกไลน์ธุรกิจ ขายวัตถุดิบแป้งวอฟเฟิล อายุเก็บนานกว่า 6 เดือน ในราคากิโลกรัมละ 120 บาท สั่งขั้นต่ำ 20 กิโลกรัม ซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมรายได้อีกทางหนึ่ง
แม้จะปรับธุรกิจใหม่หลายด้าน แต่ยังคงยืนยันที่จะอาศัยทำเลบนสถานีรถไฟฟ้าเท่านั้น ไม่ขยายไปสู่ทำเลอื่นๆ อย่างแน่นอน
เจ้าของธุรกิจ ชี้แจงว่า จากการสำรวจตลาด สินค้านี้เหมาะจะขายบนสถานีรถไฟฟ้ามากที่สุด เช่น ตรงกับลูกค้าเป้าหมาย กระบวนการทำควรอยู่ในที่โล่ง เพราะใช้พลังงานสูงในการทอด หากขายในห้างสรรพสินค้าที่เปิดเครื่องปรับอากาศ ต้นทุนค่าพลังงานจะเพิ่มขึ้นอีกมาก เป็นต้น ส่วนการขายแฟรนไชส์ แม้มีผู้สนใจจำนวนมาก แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องคุมคุณภาพ จึงไม่มีแนวคิดที่จะปล่อย
“ทุกวันนี้ เราไม่มีคู่แข่งโดยตรงที่ทำสินค้าเหมือนกันเลย แต่คู่แข่งทางอ้อม เป็นร้านขนมปังและเบเกอรี่ต่างๆ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผมขายในทำเลสถานีรถไฟฟ้ามาตลอด ทำให้เราเชี่ยวชาญ รู้ขั้นตอน กฎระเบียบวิธีการ ค่าใช้จ่าย และข้อดีข้อเสียของทำเลนี้อย่างดี แนวทางของผมจึงคงทำเลสถานีรถไฟฟ้า แต่จะเพิ่มสาขา ตามสถานีเปิดใหม่ในอนาคต ควบคู่กับพัฒนาสินค้า เพื่อจะตอบความต้องการของลูกค้าให้ดีขึ้นเสมอ” ถาวร เผย
@@@@@@@@@@@@@@@@
โทร.0-2964-2191 , 08-9123-9181