ทุกยุคทุกสมัยนาฬิกาข้อมือเปรียบได้กับอวัยวะหนึ่งของร่างกายที่ขาดไม่ได้ในแต่ละวัน และยิ่งในปัจจุบันผู้คนต้องทำงานแข่งกับเวลา ดังนั้นความจำเป็นในการใช้นาฬิกาข้อมือจึงเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณกับกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย ทำให้บริษัทผู้นำเข้านาฬิกาแบรนด์คุณภาพจากทั่วโลก อย่าง “ศรีทองพาณิชย์” สามารถครองตลาดผู้นำเข้านาฬิการายใหญ่ของไทยมานานกว่า 54 ปี
ห้วงเวลาแห่งความสำเร็จดังกล่าวสืบทอดการบริหารมาถึง 3 รุ่น จากตึกสูงตั้งตระหง่านบนถนนเยาวราช จำหน่ายนาฬิกาแบรนด์ดัง อาทิ ซิติเซ็น (Citizen), ลาโด (Rado, มิโด (Mido), แฮมมิลตัน (Hamilton), และ บอลล์ (Ball) สยายปีกสร้างตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยเฉพาะตามต่างจังหวัดกว่า 500 ร้านค้า ส่วนในกรุงเทพเน้นจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำรวม 55 สาขาทั่วประเทศ
นางวิภาวรรณ มหาดำรงค์กุล กรรมการผู้จัดการบริษัทศรีทองพาณิชย์ จำกัด เล่าว่า ตนเองเป็นทายาทธุรกิจรุ่นที่ 3 ในการสืบทอดกิจการจำหน่ายนาฬิกานำเข้า ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเทียนจำนวน 100 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจและการขยายการบริการด้านร้านค้าปลีก, การเปิดThe Swiss Watch Gallery และ Citizen Boutique แห่งแรกในประเทศไทย หลังพบว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจนาฬิกาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะประสบกับภาวะวิกฤตทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ แต่ด้วยประสบการณ์การบริหารธุรกิจมายาวนาน ทำให้ก้าวผ่านวิกฤตมาได้
“ธุรกิจผู้นำเข้านาฬิกาแบรนด์ดังจากทั่วโลก ของศรีทองพาณิชย์ ถือว่าเป็นธุรกิจแบบครอบครัว 100% ยึดหลักการบริหารแบบกระจายอำนาจให้แก่บุคลากรตามความเหมาะสมในแต่ละตำแหน่ง ในขณะเดียวกันด้านการดำเนินธุรกิจภายนอกองค์กร เน้นความซื่อสัตย์กับลูกค้าและคู่ค้า โดยเฉพาะบริษัทซิติเซ็น จากประเทศญี่ปุ่น ที่ทำการค้ามากว่า 49 ปี เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน มีอะไรที่ช่วยเหลือกันได้ก็จะไม่รีรอ อย่าง ล่าสุดเหตุการณ์สึนามิ เราก็ช่วยเพิ่มยอดขายในประเทศไทยให้ ในขณะเดียวกันเมื่อครั้งที่ไทยเจอวิกฤตทางการเมือง ทางซิติเซ็น ก็ลดเป้ายอดขายให้ เป็นต้น”
สำหรับยอดขายของศรีทองพาณิชย์นั้น ที่กรุงเทพฯ เราจะมียอดขายประมาณ 40% และอีก 60% อยู่ตามต่างจังหวัด ซึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าต่างจังหวัดจะเป็นซิติเซ็น และมิโด ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ที่มีสัดส่วนของยอดขายมากที่สุดคือ ซิติเซ็น รวมถึงมีอัตราเติบโตปีละ 10% จากระบบการทำงานของนาฬิกาที่ล้ำสมัย ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้ตรงจุด โดยเฉพาะนวัตกรรม อีโค ไดร์ฟ (Eco Drive) ที่ซิติเซ็น นำระบบนี้มาใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2519 ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ใช้กลไกการขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงแทนก้อนถ่านเบตเตอรีที่จะกลายเป็นสารพิษที่ยากต่อการทำลาย และเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม สามารถกักเก็บพลังงานแม้อยู่ในที่มืดได้นานกว่า 6 เดือน ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวยังได้รับตราสัญลักษณ์อีโค มาร์ค (Eco Mark) จากองค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่นด้วย และล่าสุดทางซิติเซ็น ยังได้เปิดตัวนาฬิกาอีโค-ไดร์ฟ เรดิโอคอนโทรล ปรับเวลาอัตโนมัติด้วยระบบคลื่นสัญญาณวิทยุที่ถูกติดตั้งจำนวน 5 สถานีใน 4 เขตประเทศทั่วโลก ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เยอรมนี และอเมริกา พร้อมดีไซน์ให้เหมาะกับเพศชายที่มีใจรักการเดินทาง
ส่วนตลาดนาฬิกาข้อมือในประเทศไทย วิภาวรรณ บอกว่า อนาคตนาฬิการะดับกลางจะมีโอกาสเติบโตได้มาก จากราคาและการดีไซน์เหมาะกับการใช้งานของคนทุกเพศทุกวัย รวมถึงหากนำไปเป็นของขวัญของฝากก็ประทับใจผู้รับ ในขณะที่ตัวแทนจำหน่ายตามต่างหวัดอาจจะมียอดจำหน่ายลดลง เนื่องจากพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป หันไปซื้อสินค้าตามห้างสรรพสินค้า หรือซูเปอร์สโตร์กันมากขึ้น ทำให้บริษัท ศรีทองพาณิชย์ จำกัด ต้องปรับแผนธุรกิจและการตลาดเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว โดยเฉพาะการปรับปรุงศูนย์บริการซ่อมนาฬิกา พร้อมทั้งขยายสาขาใหม่เพิ่มเพื่อการให้บริการแต่ลูกค้าได้ครอบคลุมในหลายพื้นที่มากยิ่งขึ้น
***สนใจติดต่อ 0-2222-7171***