ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งจะมีเชฟยอดฝีมือ 2 คนอยู่ด้วยกัน และพิเศษกว่านั้น คือ ทั้งคู่เป็นสามีภรรยาในชีวิตจริง ซึ่งนำความเชี่ยวชาญมาต่อยอดเปิดร้านอาหาร สร้างจุดขายด้วยเมนูแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร คิดค้นโดยเชฟคู่รัก เหมาะสำหรับคนอินเลิฟความอร่อย พร้อมบรรยากาศร้านที่อบอวลไปด้วยความรัก
เชฟคู่รักมีประสบการณ์ในอาชีพมายาวนาน โดย “โจแอล วิลกินสัน” ชาวออสเตรเลีย มีประสบการณ์นานกว่า 23 ปี เคยทำงานใน 9 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ “ธนัญญา วิลกินสัน” มีประสบการณ์กว่า 18 ปี และเขียนตำราทำอาหารมาแล้วหลายเล่ม กระทั่งมาพบและทำงานเป็นเชฟด้วยกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งจนก่อเป็นความรักและได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
เนื่องจากทั้งสองมีความฝันอยากเปิดร้านอาหาร หลังจากตระเวนหาทำเลอยู่นานในหลายพื้นที่ จนมาถูกใจอาคาร 3 ชั้นรูปทรงสวยงามอยู่ในถนนหลังสวน ระหว่างซอย 6 และ 7 จึงตัดสินใจลงทุนกว่า 7 หลัก เช่าและตกแต่งใหม่ เปิดเป็นร้านอาหาร ชื่อ “ไก่ แอนด์ โจแอล โกลบอล เฟลเวอร์ส” (Gai&Joel global flavors) เริ่มเปิดบริการมาแล้วประมาณ 3 เดือน
ธนัญญา เล่าว่า เนื่องจากจุดเริ่มต้นของร้านมาจากความรักของเธอกับสามี จึงอยากให้ร้านแห่งนี้เป็นศูนย์รวมแห่งความรักในทุกๆ ด้าน ทั้งความรักระหว่างหนุ่มสาว เพื่อน และครอบครัว โดยสะท้อนผ่านทุกส่วนของร้าน ตั้งแต่โลโก้ที่เป็นรูปหัวใจอยู่ตรงกลางชื่อตัวเอง (ชื่อเล่นของธนัญญา คือ ไก่) กับชื่อสามี
รวมถึง แม่ของโจแอลบินตรงมาจากออสเตรเลียเพื่อมาออกแบบและตกแต่งร้านให้ลูกชายโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหลักฐานแสดงความรักและผูกพันที่แทรกซึมอยู่ในร้านแห่งนี้
นอกจากนั้น เมนูอาหารยังเจาะจงเอาใจผู้รักในการกิน ซึ่งคนกลุ่มนี้ จะพยายามเสาะแสวง อาหารที่อร่อย และแปลกใหม่ ดังนั้น ได้คิดค้นเมนูเฉพาะตัวขึ้นเอง หากินได้เฉพาะที่ร้านนี้เท่านั้น โดยให้นิยามว่าเป็นอาหารสไตล์ Global flavors
“พวกเราพยายามหลีกเลี่ยงเจาะจงว่า เป็นอาหารแนวฟิวชั่น ยุโรป อเมริกัน หรืออิตาเลี่ยน แต่เราใช้คำว่า Global flavors เพื่อสื่อถึงอาหารที่เกิดจากการสร้างสรรค์ขึ้นเอง เป็นความแตกต่างที่ลงตัว สะท้อนถึงตัวตนของเราทั้งคู่ โดยใช้ประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา จนเข้าใจกระบวนการทำอาหารอย่างลึกซึ้ง อีกทั้ง ผสมผสานวัตถุดิบระหว่างในประเทศ เช่น ผักโครงการหลวง กับวัตถุดิบที่จำเป็นนำเข้าจากต่างประเทศ” ธนัญญา อธิบายรูปแบบเมนูของร้าน
สำหรับเมนูทั้งหมดมีประมาณ 60 รายการ แบ่งเป็นเมนูเอกลักษณ์ของร้านประมาณ 10 กว่ารายการ เช่น Boston Lobster , Chilean Sea bass เป็นต้น ที่เหลือจะเป็นเมนูยอดนิยมที่คนทั่วไปคุ้นเคย ระดับราคาเฉลี่ยประมาณจานละ 300 บาทหรือจัดเป็นชุดประมาณพันกว่าบาท
ธนัญญา เผยด้วยว่า ต้นทุนต่อจานพยายามควบคุมไม่ให้เกิน 30% ทว่า บางรายการอาจสูงถึง 50% โดยแหล่งวัตถุดิบส่วนใหญ่จะสั่งผ่านตัวแทนขาย ซึ่งติดต่อกันมายาวนาน บางส่วนซื้อหาด้วยตัวเอง ขณะที่การแบ่งหน้าที่ภายในร้านนั้น โจแอลจะเน้นบริหารหน้าร้าน ส่วนตัวเธอจะเน้นงานในครัวที่จะลงมือปรุงเองทุกจาน
สำหรับการทำตลาด เบื้องต้นอาศัยบรรยากาศร้านที่สวยงามเป็นตัวเรียกลูกค้าเข้ามาทดลอง ประกอบกับมีกลุ่มแฟนคลับเก่าที่ติดใจฝีมือตั้งแต่ตอนเป็นเชฟโรงแรม ยังติดตามมากินที่ร้านด้วย อีกทั้ง เสริมด้วยการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ทั้ง facebook และwebsite เป็นต้น นอกจากนั้น เพิ่มความน่าสนใจด้วยการจัดโปรโมชั่นคิดค้นเมนูใหม่ๆ สอดรับกับเทศกาล เช่น เมนูสำหรับคู่รักรับวันวาเลนไทน์ที่จะถึง เป็นต้น
เชฟสาว เผยด้วยว่า หลังจากที่ลูกค้าเริ่มเข้ามาทดลองครั้งแรก แล้วติดใจมักไปบอกต่อ ช่วยขยายลูกค้ากว้างออกไป โดยปัจจุบัน มีสัดส่วนใกล้เคียงกันทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติ พนักงานบริษัท คนในพื้นที่ใกล้เคียง ครอบครัว และคู่รัก จากผลตอบรับด้วยดีนับตั้งแต่เปิดมา คาดการณ์จะสามารถคืนเงินลงทุนได้ภายในไม่เกินกลางปีนี้
จากคนเบื้องหลังทำอาหารอยู่ในครัวก้าวสู่เบื้องหน้าเป็นเจ้าของร้านเอง ธนัญญา ระบุว่า ถือเป็นข้อได้เปรียบ เพราะเข้าใจพื้นฐานการทำอาหารครบถ้วน จึงมีความละเอียดรอบคอบ ควบคุมคุณภาพอาหารได้ดี อีกทั้ง ตัดปัญหาพ่อครัวแม่ครัวลาออกบ่อย ซึ่งมักเป็นปัญหาสำคัญของร้านอาหารทั่วไป ที่สำคัญ ด้วยประสบการณ์ในวงการอาหารยาวนาน ทำให้รู้ต้นทุนที่แท้จริงของวัตถุดิบแต่ละชนิด และรู้แหล่งซื้อวัตถุดิบหลากหลายทั้งในและต่างประเทศ ช่วยให้หาวัตถุดิบดีได้ในราคาสมเหตุสมผล
“ถึงแม้ร้านอาหารจะมีเปิดมากมาย แต่ดิฉันเชื่อว่า โอกาสประสบความสำเร็จยังเป็นไปได้เสมอ ถ้าเรามีจุดเด่นของตัวเอง ก็ไม่ต้องไปกังวลกับเรื่องคู่แข่งมากนัก ส่วนตัวคิดว่า ความสำเร็จของร้าน ไม่ใช่แค่ตัวเงินอย่างเดียว แต่มันยังมีความสุขจากที่เราได้ทำในสิ่งที่รัก คือ การทำอาหารที่ดีที่สุด ในขณะเดียวกันลูกค้าก็ได้รับความสุขจากความอร่อยเช่นกัน” เจ้าของธุรกิจ กล่าว
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โทร.0-2684-5944 หรือ www.gaiandjoel.com
