ประสบการณ์คร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจกาแฟมานานกว่า 50 ปี ของ อโรม่า กรุ๊ป ทำให้การขยายตัวของธุรกิจด้านกาแฟเป็นแบบครบวงจร ทั้งธุรกิจแฟรนไชส์ ร้านขายกาแฟ และศูนย์จำหน่ายอุปกรณ์กาแฟครบครัน โดยเฉพาะผู้นำเข้าเครื่องชงกาแฟแบรนด์ระดับโลก มีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศกว่า 20 ราย มั่นใจปีนี้ก้าวขึ้นแท่นเบอร์ 1 ในการเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่องชงกาแฟอย่างแน่นอน
นายกิจจา วงศ์วารี กรรมการบริหาร บริษัทในเครืออโรม่า กรุ๊ป ผู้นำด้านธุรกิจกาแฟคั่วบดครบวงจรมานานกว่า 50 ปี โดยมีธุรกิจแฟรนไชส์ ไนน์ตี้-โฟร์ คอฟฟี่ ชาวดอย โอเค เอสเปรสโซ่ และเป็นผู้นำเข้าเครื่องชงกาแฟและอุปกรณ์สำหรับธุรกิจร้านกาแฟสดรายใหญ่ของประเทศ เล่าว่า ปัจจุบันธุรกิจกาแฟมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ซึ่งทางอโรม่า กรุ๊ป อยู่ในแวดวงธุรกิจกาแฟมานาน ได้มีการแตกไลน์ธุรกิจครบวงจร เริ่มจากการคั่วเมล็ดกาแฟจำหน่าย การเปิดร้านกาแฟไนน์ตี้-โฟร์ คอฟฟี่, แฟรนไชส์กาแฟสดชาวดอย พร้อมเปิดศูนย์จำหน่ายอุปกรณ์กาแฟครบวงจร โดยเฉพาะการเป็นผู้นำเข้าเครื่องชงกาแฟจากประเทศอิตาลี และสเปน รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
“สาเหตุที่ทำให้เราสามารถครองส่วนแบ่งตลาดเครื่องชงกาแฟได้ในสัดส่วนครึ่งต่อครึ่งภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปี เป็นเพราะประสบการณ์ที่อโรม่า กรุ๊ป อยู่ในแวดวงธุรกิจกาแฟสดมานาน อีกทั้งในแต่ละปีเรามีการออกงานแสดงสินค้าใหญ่ๆ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ไม่น้อยกว่า 20 งาน การเซอร์เวย์ร้านลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกิจกรรมการค้นหาสุดยอดนักชงกาแฟ Thailand Indy Barista ที่ทำให้เราได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดและเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าที่เป็นร้านกาแฟในสไตล์ Indy ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุดที่มีมากกว่า 80,000 ร้านค้าทั่วประเทศ”
ล่าสุด บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากเครื่องชงกาแฟคุณภาพแบรนด์ Expobar จากประเทศสเปน โดยได้เซ็นสัญญาให้ทางอโรม่า กรุ๊ป เป็นผู้จัดจำหน่ายเพียงรายเดียวในประเทศไทย เนื่องจากในปีที่ผ่านมาอโรม่า กรุ๊ป สามารถทำยอดขายให้แก่แบรนด์ Expobar ได้กว่า 2,000 เครื่อง ซึ่งเป็นยอดขายที่สูงที่สุดใน Asia
“สำหรับเครื่องชงกาแฟ Expobar เป็นแบรนด์ที่ทำขายมานานจนติดตลาด และได้รับความไว้วางใจให้บริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงรายเดียวในประเทศไทย ทั้งๆ ที่นโยบายของ Expobar ที่ผ่านมายังไม่เคยให้ประเทศใดผูกขาดการขายเครื่อง แต่สำหรับไทย ทางอโรม่า ได้รับโอกาสนี้ จากกลุทธ์การทำการตลาดระหว่างตัวแทนจำหน่ายแบบพื่อน ไม่คิดเป็นคู่แข่ง รวมถึงทำการค้าแบบพึ่งพาอาศัยกัน ให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ได้”
สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ทางบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจการนำเข้าและจำหน่ายเครื่องชงกาแฟอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้จัดงาน Aroma Dealer Conference 2011 ขึ้น ซึ่งเป็นการรวมผู้ประกอบการธุรกิจร้านกาแฟสดและบริษัทตัวแทนจำหน่ายเครื่องชงกาแฟทั่วประเทศประมาณ 100 ราย ที่มาเข้าร่วมการประชุม เพื่อแนะนำให้ดีลเลอร์รู้จักผลิตภัณฑ์เครื่องชงกาแฟรุ่นใหม่ที่บริษัทฯ นำเข้ามาจำหน่าย รวมถึงเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางการค้าและสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจในไลน์เดียวกัน
ส่วนนโยบายการขยายสาขาร้านกาแฟสดในเครืออโรม่า กรุ๊ป มองว่าธุรกิจร้านกาแฟสดโดยรวมยังขยายตัวได้อีกมาก โดยร้านกาแฟสดโดยเฉลี่ยจะมีรายได้อยู่ประมาณวันละ 3,000-6,000 บาท และมีกำไรประมาณวันละ 1,000-2,000 บาท โดยในปีนี้จะมีการขยายสาขาร้านกาแฟ ไนน์ตี้- โฟร์ คอฟฟี่ เพิ่มขึ้นอีก 20 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 35 สาขาทั่วประเทศ ในจำนวนนี้ 30 % เป็นร้านของทางบริษัทฯ ที่เปิดเอง ส่วนอีก 70% เป็นร้านของลูกค้า ในส่วนของธุรกิจกาแฟสดชาวดอย ปัจจุบันมี 250 สาขา ขณะที่กาแฟโอเคเอสเพรสโซ่ ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่มีอยู่ประมาณ 100 สาขา ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์มีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มอีกอย่างละ 100 สาขา ภายในปีนี้ โดยเน้นโลเกชั่นตามศูนย์อาหารหรือร้านค้าปลีกทั่วไป