สถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ เผยหลังจากเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟต้า) ต่ออุตสาหกรรมแฟชั่นไทย เชื่ออัตราเติบโต 9-13% คาดมาจากยอดสั่งซื้อกลุ่มประเทศแฟชั่น อย่าง ญี่ปุ่น สหรัฐ และยุโรป ด้านพรทิวา เร่งเสริมแกร่งผู้ประกอบการด้านองค์ความรู้
นายสุพัต อ่องแสงกุล ผู้อำนวยการสถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดสัมมนา “การใช้สิทธิประโยชน์และผลกระทบจากอาฟต้าที่มีต่ออุตสาหกรรมแฟชั่น” ว่า เท่าที่ประเมินสถานการณ์หลังจากไทยเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟต้า) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา อุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ อาหาร สิ่งทอ เครื่องหนัง อัญมณี จึงเชื่อว่าปีนี้ภายใต้กรอบอาฟต้าจะส่งผลให้อุตสาหกรรมกลุ่มนี้มีอัตราการเติบโตกว่าร้อยละ 9-13
ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่นมีมูลค่าส่งออก 17,638 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ร้อยละ 2.24 มีปัจจัยจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวและการได้สิทธิประโยชน์ภายใต้กรอบอาฟต้า รวมถึงการแข่งขันฟุตบอลโลกกลางปีนี้ที่ประเทศแอฟริกาใต้ จะทำให้มียอดสั่งซื้อสินค้ากลุ่มแฟชั่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น ในส่วนของญี่ปุ่น ไทยจะได้ประโยชน์จากกรอบข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (JTAPA) ไทย-ญี่ปุ่น โดยปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมไทยค่อนข้างมาก
นายสุพัต กล่าวว่า นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นห่วงว่า หลังจากไทยเดินตามกรอบอาฟต้าอาจจะมีบางกลุ่มอุตสาหกรรมแข่งขันไม่เต็มที่ จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ทั้งกรมส่งเสริมการส่งออก กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกันจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เพื่อถ่ายทอดความรู้และลู่ทางให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะประสบปัญหาในการแข่งขันตามกรอบอาฟต้า ซึ่งขณะนี้แต่ละหน่วยงานได้มีการจัดสัมมนาเพิ่มความรู้ให้แต่ละกลุ่มแล้ว จึงอยากเรียกร้องอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์ควรมาใช้สิทธิตามกรอบข้อตกลง เพื่อขยายการค้าให้เพิ่มขึ้นในอนาคต
นายสุพัต อ่องแสงกุล ผู้อำนวยการสถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดสัมมนา “การใช้สิทธิประโยชน์และผลกระทบจากอาฟต้าที่มีต่ออุตสาหกรรมแฟชั่น” ว่า เท่าที่ประเมินสถานการณ์หลังจากไทยเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟต้า) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา อุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ อาหาร สิ่งทอ เครื่องหนัง อัญมณี จึงเชื่อว่าปีนี้ภายใต้กรอบอาฟต้าจะส่งผลให้อุตสาหกรรมกลุ่มนี้มีอัตราการเติบโตกว่าร้อยละ 9-13
ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่นมีมูลค่าส่งออก 17,638 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ร้อยละ 2.24 มีปัจจัยจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวและการได้สิทธิประโยชน์ภายใต้กรอบอาฟต้า รวมถึงการแข่งขันฟุตบอลโลกกลางปีนี้ที่ประเทศแอฟริกาใต้ จะทำให้มียอดสั่งซื้อสินค้ากลุ่มแฟชั่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น ในส่วนของญี่ปุ่น ไทยจะได้ประโยชน์จากกรอบข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (JTAPA) ไทย-ญี่ปุ่น โดยปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมไทยค่อนข้างมาก
นายสุพัต กล่าวว่า นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นห่วงว่า หลังจากไทยเดินตามกรอบอาฟต้าอาจจะมีบางกลุ่มอุตสาหกรรมแข่งขันไม่เต็มที่ จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ทั้งกรมส่งเสริมการส่งออก กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกันจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เพื่อถ่ายทอดความรู้และลู่ทางให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะประสบปัญหาในการแข่งขันตามกรอบอาฟต้า ซึ่งขณะนี้แต่ละหน่วยงานได้มีการจัดสัมมนาเพิ่มความรู้ให้แต่ละกลุ่มแล้ว จึงอยากเรียกร้องอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์ควรมาใช้สิทธิตามกรอบข้อตกลง เพื่อขยายการค้าให้เพิ่มขึ้นในอนาคต
