การแข่งขันในธุรกิจรีสอร์ท โรงแรม หรือแม้กระทั่งที่พัก ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายดาว ในตัวเมืองพัทยา ถือเป็นเรื่องยาก หากไม่แข่งกันด้วยความสะดวกสบายในราคาที่นักท่องเที่ยวต่างชาติพอใจ อย่าง “โรงแรมแซนดาเลย์ รีสอร์ท” เน้นการตกแต่งหรูหราทันสมัยเข้าขั้นบูติกโฮเต็ล (Boutique Hotel) ในราคาย่อมเยา สบายกระเป๋าสำหรับต่างชาติ
เกษม บุรังกูร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ โรงแรมแซนดาเลย์ รีสอร์ท เล่าว่า เดิมโรงแรมนี้เป็นการซื้อกิจการมาจากเจ้าของเดิม โดยมีการนำมาปรับปรุง เน้นเฟอร์นิเจอร์ที่ทันสมัย สีสันสดใส พร้อมกับเพิ่มกิจกรรมให้ลูกค้า เช่น สระว่ายน้ำ ห้องจัดเลี้ยง และอินเทอร์เน็ตให้ลูกค้าใช้ฟรี หวังสร้างวันพักผ่อนสมบูรณ์แบบให้แก่ลูกค้า รวมถึงการเปลี่ยนชื่อโรงแรมเป็นแซนดาเลย์ รีสอร์ท ที่มีความหมายเรียบง่ายว่า ทรายทะเล (แซนด์=ทราย , ดาเลย์ = ทะเล)
“ในช่วงที่เราเข้ามาปรับปรุงรีสอร์ท ก็มีแนวคิดว่าต้องทำให้ที่พัก บริเวณโดยรอบดูทันสมัย สอดรับความต้องการของลูกค้าได้ รวมถึงห้องพักต้องดูดี ในสไตล์ Contemporary โดยเริ่มจากการเปลี่ยนห้องน้ำให้เป็นสัดส่วน เพิ่มอ่างอาบน้ำ รวมถึงภายในห้องพัก ก็มีมุมโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ สีฉูดฉาดไว้คอยต้อนรับ ในขณะที่เตียงนอนก็หันหน้าออกสู่ทะเล บรรยากาศเหมาะกับการมาเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด ซึ่งปัจจุบันโรงแรมเรามีห้องใหญ่ 36 ห้อง และห้องเล็กอีก 78 ห้อง สามารถรองรับลูกค้าที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ได้ รวมถึงมีห้องจัดสัมมนาจุคนได้ประมาณ 120 คน”
เรียกได้ว่าการทำธุรกิจโรงแรม ที่พัก และรีสอร์ท ในเมืองพัทยา ถือเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง ดังนั้นกลยุทธ์ของผู้บริหารแซนดาเลย์ รีสอร์ท จึงเน้นไปที่ความถูกต้อง ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า และความสะอาดของที่พัก ไม่เน้นราคาที่สูงจนเกินไป แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ลงไปแข่งขันในเรื่องของราคาที่ถูกจนเกินไป จนถึงขั้นต้องลดมาตรฐานและภาพลักษณ์ของโรงแรม โดยราคาค่าห้องจะแตกต่างกันไปตามหน้าฤดูกาลท่องเที่ยว เฉลี่ยอยู่ที่ 1,600-3,000 บาทต่อคืน
นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตให้เกิดประโยชน์ ด้วยการเปิดจองห้องพักผ่านทางเว็บไซต์ และทำงานร่วมกับบริษัททัวร์ จัดแพคเกจที่พักให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
“ในช่วงที่หลายคนมองว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว แต่สำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภาพรวมแล้ว ยังเติบโตได้ แต่ผู้ประกอบการก็ต้องปรับตัวให้ตรงกับความต้องการของนักท่องเที่ยวด้วย คือ แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปัจจุบันจะไม่ได้ลดจำนวนลงมากนัก แต่จำนวนเงินที่นำมาจับจ่ายใช้สอยลดน้อยลง มีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งต้องคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป”
ปัจจุบันถือว่าโรงแรมแซนดาเลย์รีสอร์ทเดินมาถูกทางหลังการตัดสินใจปรับปรุง และปรับเปลี่ยนรูปแบบเกือบทั้งหมดให้กลายเป็นบูติก โฮเต็ล พร้อมกำหนดราคาห้องพักที่ไม่แพง ส่งผลให้นักท่องเที่ยวให้การตอบรับดี รวมถึงยังตรงกับคอนเซ็บต์ธุรกิจโรงแรมในพัทยา ที่เกษมบอกว่า การทำธุรกิจโรงแรมในภาคตะวันออก ถ้าจะทำให้ธุรกิจให้ไปรอด ไม่ควรลงทุนเยอะ หรือสร้างโรงแรมให้มีขนาดใหญ่เกินไป เนื่องจากสุดท้ายแล้วจะไม่สามารถแข่งขันกับโรงแรมที่เจ้าของเป็นต่างชาติได้ ดังนั้นผู้ประกอบการควรที่จะเริ่มจากเล็กๆ ก่อน แล้วจึงขยายตามสภาพเศรษฐกิจ และจำนวนนักท่องเที่ยว
“การที่เราตั้งราคาห้องพักไม่สูงมากนัก ถือว่าเป็นเรื่องที่สามารถดึงดูดใจนักท่องที่ยวได้อีกทางหนึ่ง เพราะทำให้นักท่องเที่ยวพักได้หลายวันขึ้น รวมถึงยังสามารถจองห้องพักไว้เมื่อต้องการเดินทางไปเที่ยวในจังหวัดใกล้เคียง เช่น กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากราคาห้องพักไม่แพง ซึ่งเป็นผลดีแก่ผู้ประกอบการที่กำหนดราคาห้องพักไม่สูงเกินไปนัก นอกจากนี้การที่โรงแรมของเราได้รับความนิยมคือด้านการบริการ ที่เป็นการสร้างความประทับใจในครั้งแรกให้แก่นักท่องเที่ยว ที่ทำให้เปอร์เซ็นต์การกลับมาพักซ้ำมีสูง”
ในยุคนี้การจะดำเนินธุรกิจโรงแรม ที่พัก ในสถานที่ท่องเที่ยว ถือเป็นเรื่องที่ทำไม่ยากนัก หากใช้เงินลงทุนที่ไม่สูงจนเกินไป เน้นการบริการ และความครบวงจร เพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติสนใจ ต้องการพักผ่อนในราคาประหยัดและคุ้มค่าในภาวะที่ต้องประหยัด แต่ก็ต้องการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนควบคู่กันไป
***สนใจติดต่อ 0-3842-2660-3 หรือที่ www.sandalayresort.com***