เบเกอรี่โฮมเมด ชื่อเก๋ไก๋ว่า “อร่อยนี้...พอคำ” เกิดจากฝีมือพี่น้อง 4 คน ที่มีความถนัดแตกต่างกันไป แต่เมื่อมารวมกันแล้ว กลายเป็นความต่างที่ลงตัว หนุนซึ่งกันและกันช่วยให้ธุรกิจเบเกอรี่เล็กๆ รายนี้มีจุดขายครบด้าน เด่นทั้งรสชาติความอร่อย และความคิดสร้างสรรค์ นำเสนอในรูปแบบดูดีทันสมัยจากภายนอก พร้อมทำตลาดผ่านโลกออนไลน์เหมาะกับไลฟ์สไตล์ยุคปัจจุบัน
สำหรับพี่น้องทั้ง 4 ประกอบด้วย “นพดล , สมบัติ , วุฒิชัย และอรุณ สมบัติจินดา” โดยพื้นฐานทุกคนรักการทำอาหาร โดยเฉพาะพี่ชายคนโต (นพดล) ถึงขั้นไปเรียนทำเบเกอรี่เป็นเรื่องเป็นราว
ทว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยคิดจะขาย แค่ทำกินกันเองในครอบครัว และแจกจ่ายให้ญาติสนิท กับมิตรสหายได้ลองลิ้ม ซึ่งแทบจะทุกคนติดใจรสชาติความอร่อย พร้อมประสานเสียงเชียร์ให้ทำออกขาย นี่เองคือแรงบันดาลใจ อยากขยายความอร่อยให้คนทั่วไปได้สัมผัส
“แต่ละคนมีงานประจำ และความเชี่ยวชาญแตกต่างกันอยู่แล้ว เช่น ด้านการทำอาหาร โปรแกรมเมอร์ สิ่งพิมพ์ และครีเอทีฟ เมื่อมาช่วยกันทำธุรกิจเบเกอรี่ ก็จะมาแชร์ไอเดียกัน แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบตามความถนัด โดยเราวางจุดเด่นให้เป็นเบเกอรี่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ ดูน่ารัก เป็นมิตรกับลูกค้าไม่หรูหราจนเกินไป เน้นเป็นเค้กชิ้นเล็กขนาดกะทัดรัดเหมาะสมพอดีคำ สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ โดยพวกเราตั้งคำขวัญธุรกิจไว้ว่า อร่อยนี้ พอดีคำ ทำด้วยใจ” วุฒิชัย เป็นตัวแทนเล่าถึงไอเดียธุรกิจ
เบเกอรี่โฮมเมดรายนี้ ยังสร้างจุดขายด้วยเมนูชื่อแปลกๆ ฟังครั้งเดียวก็สะดุดหู อย่างจตุรเค้ก ซึ่งเป็นเค้ก 4 รสชาติ ปัง-จิ้ม-ลิ้ม และปัง-เด็ก-แนว เป็นต้น นอกจากนั้น หน้าตาขนมถูกดีไซน์ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เรียกความสนใจจากลูกค้า
อีกทั้ง เสริมตลาด โดยมีเค้กที่จัดทำขึ้นในวาระพิเศษสร้างสีสันเป็นครั้งคราว เช่น เค้กวันแม่- วันพ่อ เค้กวันแต่งงาน เป็นต้น ในแง่รสชาติจะเป็นเค้กที่ไม่หวานจัด กินแล้วไม่เลี่ยน โดยทำสดใหม่วันต่อวัน ราคาตั้งแต่ 25 บาทถึง 499 บาท
นอกจากนั้น เพิ่มมูลค่าสินค้า โดยเสิร์ฟในบรรจุภัณฑ์ดูดีเหมาะซื้อหาเป็นของฝากของขวัญ วุฒิชัยระบุว่า เป็นความตั้งใจที่อยากให้ลูกค้าถูกใจตั้งแต่เห็นภายนอก ซึ่งข้อได้เปรียบที่พี่น้องแต่ละคนมีความสามารถเชิงครีเอทีฟในหลากสาขาอยู่แล้ว จึงสามารถลงมือเพิ่มมูลค่าสินค้าได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนมาก เบื้องต้นที่หลักหมื่นบาท ส่วนใหญ่เป็นค่าวัตถุดิบในการทำเบเกอรี่
ส่วนการทำตลาดนั้น เขาเล่าว่า เริ่มจากออกบูทในงานแฟร์ เมื่อช่วงกลางปี 2552 ที่ผ่านมา ได้ผลตอบรับอย่างดีมาก พร้อมๆ กับเปิดเว็บไซต์ www.por-dee-come.pantown.com ซึ่งเป็นช่องทางตลาดที่ประหยัด และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลักโดยตรง ช่วยให้เกิดการบอกต่อ มีการสั่งออเดอร์เข้ามาต่อเนื่องสม่ำเสมอ กลุ่มลูกค้ามีตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น และวัยทำงาน
“พวกเราทั้ง 4 คน จะมีสังคมออนไลน์เป็นกลุ่มของตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อมาทำเบเกอรี่ แต่ละคนก็จะไปแนะนำธุรกิจให้เพื่อนในกลุ่มของตัวเองได้รู้จัก ผ่านการสนทนาในเว็บบอร์ด หลังจากนั้น เพื่อนๆ ก็จะช่วยไปบอกต่อ ทั้งโดยตรงหรือโพสต์ต่อตามเว็บไซต์ต่างๆ ช่วยให้เกิดกระแสบอกต่อ เป็นการโฆษณาสินค้าโดยไม่ต้องลงทุน” วุฒิชัย เล่าถึงการทำตลาดผ่านสังคมออนไลน์
เจ้าของธุรกิจ อธิบายว่า ใช้เว็บไซต์ดังกล่าวเป็นโชว์รูมสินค้า ให้ลูกค้ามาดูสินค้าและสั่งออเดอร์ มีการเปิดระบบสมาชิก สร้างสัมผัสระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ และระหว่างผู้ซื้อด้วยกันเอง โดยขั้นตอนหลังสั่งออเดอร์และโอนเงินแล้ว จะจัดส่งสินค้าผ่านไปรษณีย์ ในเขตกรุงเทพฯ สินค้าถึงภายใน 1 วัน ส่วนต่างจังหวัด ส่งถึงภายใน 2 วัน (ลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบค่าจัดส่ง ) โดยอายุของเค้กเก็บไว้กินได้ภายใน 3-4 วัน ส่วนคุ้กกี้ เก็บได้ประมาณ 1 เดือน จึงไม่เป็นอุปสรรคในการส่งสินค้าผ่านไปรษณีย์
เนื่องจากการผลิตเป็นลักษณะโฮมเมด ช่วยกันเองในหมู่สมาชิกครอบครัว ทำให้ธุรกิจยังมีข้อจำกัดด้านการผลิต สูงสุดทำได้ไม่เกิน 600 ชิ้นต่อวัน ดังนั้น ช่วงเทศกาลต่างๆ ที่มีออเดอร์เข้ามามากๆ พร้อมกัน ไม่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีออเดอร์จำนวนมาก แต่ยังไม่คิดที่จะเพิ่มกำลังผลิตหรือเปิดร้านถาวร เพราะอยากให้ทุกด้านมีความพร้อมอย่างแท้จริงเสียก่อน เวลานี้ สิ่งสำคัญจะพยายามดูแลคุณภาพให้ดีที่สุดเป็นอันดับแรก ท่องอยู่ในใจเสมอว่า ทำเค้กเหมือนกับทำกินเอง เพื่อให้ลูกค้าได้ขนมที่ดีที่สุด ตรงกับสโกแกนที่กำหนดไว้ว่า “อร่อยนี้ พอดีคำ ทำด้วยใจ”
@@@@@@@@@@@@
โทร.08-9812-2609 และ www.por-dee-come.pantown.com


