จากพนักงานออฟฟิศธรรมดา 2 คน ที่รู้สึกอิ่มตัวในหน้าที่การงาน ตัดสินใจลาออกจากงานมาพร้อมกัน หวังหาอาชีพอิสระเป็นนายตัวเอง แม้รู้ว่าจะต้องเหนื่อยกว่าการเป็นลูกจ้าง แต่ก็ยินดีพร้อมเรียนรู้ธุรกิจด้วยตนเอง โดยเริ่มเข้าสู่การขายเสื้อผ้า กระเป๋า ตามตลาดนัด แต่สุดท้ายก็สู้ค่าแท็กซี่เดินทางไปกลับระหว่างพระราม 2 กับสีลม ไม่ไหว จึงต้องหยุดไป และแล้วเส้นทางการก้าวเข้าสู่การทำหมอนหน้าคนเกิดการที่ไปเห็นเศษผ้าที่เหลือจากการตัดเสื้อผ้าเด็ก จึงเริ่มนำมาทำเป็นตุ๊กตาหมีลายการ์ตูนน่ารัก และต่อยอดสู่หมอนหน้าคน ซึ่งผลงานดังกล่าวล้วนมาจากฝีมือชายหนุ่มล้วนๆ
ชัยยุทธ์ ประจันทา เจ้าของตุ๊กตาหมีและหมอนหน้าคนแบรนด์ Hug Me ที่เป็นการประสานความชำนาญกันคนละด้านกับภรรยา ที่เคยทำงานด้านกราฟิกดีไซน์ ส่วนชัยยุทธ์ทำงานกับบริษัทนำเข้าของเล่น จนกระทั่งทั้งคู่เบื่อชีวิตการเป็นมนุษย์เงินเดือน จึงตัดสินใจออกมาขายเสื้อผ้า กระเป๋าแฟชั่น ย่านสีลม แต่สุดท้ายสู้ค่าเดินทางไม่ไหว เพราะต้องเดินทางจากบ้านที่พระราม 2 เข้ามาขายของที่สีลมทุกวัน ทำให้กำไรที่ได้หมดไปกับค่าแท็กซี่ จึงต้องหยุดขายไป จนกระทั่งมาเห็นเศษผ้าที่เหลือจากการตัดเสื้อผ้าเด็กมีสีสันสวยงาม เนื้อผ้านิ่ม จึงลองนำมาทำเป็นตุ๊กตาหมี ทั้งๆ ที่ตนเองก็ไม่เคยเย็บตุ๊กตามาก่อน อาศัยศึกษาวิธีการเย็บ การทำแพทเทิร์นจากเว็บไซต์ จนเกิดเป็นตุ๊กตาหมีตัวแรกที่ใช้การเย็บด้วยมือ และยัดไส้ด้วยเศษผ้าใยสังเคราะห์จากหมอนและที่นอนเก่า
“เราเริ่มต้นจากการเย็บตุ๊กตาก่อน โดยที่ไม่ได้จริงจังจะยึดเป็นอาชีพ เพียงต้องการหาอะไรทำยามว่างเท่านั้น แต่เมื่อพี่สาวของภรรยาเห็นก็ให้เย็บตุ๊กตาหมีให้ เพื่อให้กับเพื่อนที่ทำงานเป็นของขวัญวันเกิด โดยให้ปักชื่อบริเวณอุ้งเท้า ซึ่งในช่วงแรกการเย็บตุ๊กตาหมีแต่ละตัวทำได้ช้ามาก เพราะทุกอย่างเย็บด้วยมือ จึงตัดสินใจเอาจักรเก่าของญาติภรรยามาปัดฝุ่น และซ่อมแซมมาใช้ ทำให้สามารถผลิตงานได้เร็วขึ้น ซึ่งตุ๊กตาหมีก็มียอดการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการขายผ่านเว็บไซต์”
ส่วน “หมอนหน้าคน” เกิดมาจากเพื่อนของภรรยาที่ไม่ชอบตุ๊กตาหมีเอาโจทย์มาให้คือ กราฟิกการ์ตูน ที่เป็นหน้าของตัวเอง มาให้ทำเป็นหมอน ดังนั้นชัยยุทธ์จึงเอาภาพกราฟิกดังกล่าวมาวาดลงบนผ้า เช่น ตา คิ้ว จมูก ปาก และนำมาตัดเย็บลงบนหมอน ที่มีโครงหน้าเหมือนเจ้าของ ซึ่งเมื่อเพื่อนของภรรยาเอาไปไว้ในรถคนที่พบเห็นก็ชอบ และอยากได้หมอนที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของตนเองบ้าง ทำให้สุดท้ายหมอนหน้าคนจึงเกิดขึ้น โดยมีหน้าร้านแห่งเดียวคือเว็บไซต์ http://Hugme4U.hi5.com
“ในช่วงแรกที่ทำหมอนหน้าคน ถือว่าออเดอร์ยังมีไม่มากนักเฉลี่ยปี 1 ปี ประมาณ 10 ใบเท่านั้น แต่ตุ๊กตาหมีก็ยังขายได้เรื่อยๆ ซึ่งก็มีบางช่วงที่ท้อและคิดเลิกทำไปก็มี จนกระทั่งไปรู้จักโครงการ Green Market ของคลื่นวิทยุกรีนเวฟ ที่ทำการคัดเลือกสินค้ามีไอเดีย เข้ารับเลือกให้นำสินค้ามาจำหน่ายในงาน โดยสินค้าของเราก็มีโอกาสรับเลือกเข้าไปขายในงาน เราจึงทำหน้าหน้าดีเจบางคนไปโชว์ในงาน และมอบให้บรรดาดีเจด้วย จากงานนั้นถือว่าเป็นประตูก้าวแรกที่ทำให้ผลงานของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยวัดจากยอดจองในงานประมาณ 60 ใบ และมีคำสั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์เข้ามาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน”
สำหรับขั้นตอนการสั่งทำหมอนหน้าคน จะใช้การสั่งผ่านทางอีเมล์ ทั้งรูปและรายละเอียด ซึ่งรูปจะต้องเป็นรูปหน้าตรง ยิ้มแย้มอย่างเป็นธรรมชาติ เห็นรายละเอียดใบหน้าอย่างชัดเจน และเป็นภาพใกล้ โดยเมื่อลูกค้าส่งเมล์มา ทางร้านจะบอกว่าได้คิวที่เท่าไหร่ และเมื่อจะลงมือทำจริงๆ ลูกค้าต้องโอนเงินมัดจำประมาณ 200 บาทก่อน ทางร้านจึงจะเริ่มลงมือทำจริง ซึ่งหมอน 1 ใบ ขนาดประมาณ 1 หน้าหนังสือพิมพ์ราคา 550 บาท และค่าขนส่งอีก 100 บาท เพราะหมอนจะหนักราว 1.5 กิโลกรัม ซึ่งสินค้าจะส่งถึงมือภายใน 5 วัน
“ขณะนี้เราผลิตหมอนหน้าคนได้เฉลี่ยวันละ 1-2 ใบ โดยผมจะเป็นคนวาดแบบให้ใบหน้าคนออกเป็นกราฟิก และภรรยาเป็นผู้ตัดองค์ประกอบหน้าตาลูกค้าจัดไว้ในของแต่ละคน ทำให้การทำงานเร็วขึ้น รวมถึงภรรยายังช่วยในเรื่องการโต้ตอบเมล์กับลูกค้า และรับออเดอร์ โดยที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น ที่มาสั่งทำหมอนหน้าตาของดารา นักแสดง นักร้องที่ชื่นชอบ เพื่อนำไปมอบให้เป็นของขวัญ และกลุ่มคนวัยทำงาน”
ส่วนจุดเด่นถือว่าอยู่ที่ไอเดียไม่ซ้ำใคร ไม่สามารถทำเป็นงานโหลได้ เพราะความยากอยู่ที่การวาดคาร์แลคเตอร์ตัวการ์ตูนให้เหมือนตัวจริง ทำให้ขณะนี้ยังไม่มีคู่แข่ง รวมถึงการลงทุนในเรื่องวัตถุดิบค่อนข้างสูง คือ ใยสังเคราะห์ราคา 600 บาท/กระสอบ ผ้า 160/เมตร ซึ่งขณะนี้ชัยยุทธ์ก็อาศัยเงินทุนของลูกค้าที่มาจ้างทำหมอนหน้าคนไปซื้อวัตถุดิบ เพื่อนำมาผลิตเป็นหมอนใบต่อไป
***สนใจติดต่อ 08-9453-7870 หรือที่ http://Hugme4U.hi5.com ***