ปัจจุบันการออกแบบตกแต่งภายใน ทั้งสำนักงาน หรือ บ้านพักอาศัย สถาปนิกมักจะไม่ลืมที่จะต้องออกแบบ อะควาเรียม ตู้ปลา พันธุ์ไม้น้ำ บ่อเลี้ยงปลา เติมลงไปในแบบด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้ จะช่วยเติมเต็มให้บ้านหรือสำนักงานดูสดชื่น และอบอุ่น จากธรรมชาติให้มาอยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้น
สำหรับอะควาเรียม เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะปัจจุบันมีเทคโนโลยีมาช่วย ทำให้สามารถการสร้างอะควาเรียม ตู้ปลาขนาดใหญ่ บ่อเลี้ยงปลา หรือ แม้แต่การจำลองน้ำตก จากธรรมชาติมาไว้ในบ้าน ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และผู้ประกอบการที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้ในประเทศไทย นั้นมีอยู่เพียงไม่กี่ราย และหนึ่งในนั้น ก็คือบริษัทอะควอติก้า จำกัด ของ “นายนิตินันท์ กฤษณะพันธ์”
นายนิตินันท์ เล่าว่า บริษัท อะควอติก้า เราเป็นผู้ประกอบการรายเดียว ที่ดำเนินธุรกิจอะควาเรียมดีไซน์แบบครบวงจร ประกอบไปด้วย Aquarium Design , Acrytic Supply & Installation, Filtration System Water Feature Design , Service & Maintenance
ส่วนของ Service & Maintenance ถือได้ว่าเราเป็นรายแรกที่เปิดให้บริการและสาเหตุที่เปิดให้บริการดังกล่าว เป็นเพราะอะควาเรียม ซึ่งเป็นตู้ปลา และบ่อปลา ที่มีขนาดใหญ่ ทำให้ดูแลรักษาเองลำบาก และเราต้องการจะดูแลลูกค้าหลังการขายอย่างเต็มที่ จึงเปิดขายบริการในส่วนดังกล่าวขึ้นมา โดยคิดค่าบริการเป็นรายเดือน ราคาเริ่มต้นเดือนละ 4,000 บาท สำหรับตู้ขนาด 60 นิ้ว ไปจนถึงเดือนละ 12,000 บาท ส่วนอะควาเรียมขนาดใหญ่ ราคาตั้งแต่ 40,000 บาท ไปจนถึง 60,000 บาทต่อเดือน เช่น อิมแพคเมืองธานี และโรงแรมโอเรียลเต็ล
สำหรับการออกแบบอะควาเรียม ราคาเริ่มต้นที่ 30,000 บาท ไปจนถึง 2 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยอยู่ในหลักแสนปลายๆ โดยลูกค้า 80% เป็นองค์กร บริษัท ห้างร้าน ต่างๆ ส่วนบ้านพักอาศัยมีประมาณ 20% เนื่องจากการทำอะควาเรียม มีต้นทุนสูง และค่าบริการหลังการขายสูงด้วย ทำให้ได้ลูกค้าในกลุ่มบ้านพักอาศัยไม่มาก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบ้านเศรษฐีหลายแห่งสนใจทำอะควาเรียมไว้ภายในบ้าน เพราะนอกจากช่วยเสริมให้บ้านดูดีแล้ว เจ้าของบ้านยังรู้สึกได้ถึงการใกล้ชิดธรรมชาติ เหมือนยกธรรมชาติใต้น้ำมาไว้ในบ้าน
ทั้งนี้ ยังมีเรื่องของการเสริมฮวงจุ้ยเข้ามาด้วย ทำให้การเนรมิตรอะควาเรียมไว้ภายในบ้าน และสำนักงานได้รับความนิยมมากขึ้น และสถาปนิกเองก็กล้าที่จะออกแบบโดยเติมส่วนนี้ใส่เข้าไปด้วย เนื่องจากมีผู้ผลิตที่มีความเชี่ยวชาญ และมีเทคโนโลยี ที่ได้มาตรฐานในประเทศไทย ที่พร้อมเข้ามารองรับ ต่างจากในอดีตที่หาผู้ผลิตด้านนี้ในประเทศไทยน้อยมาก
ในส่วนของปลา และพันธุ์ไม้น้ำ เราก็ได้ผู้เชี่ยวชาญ จากกรมประมงมาเป็นที่ปรึกษาและคอยให้การช่วยเหลือ ในการหาพันธุ์ปลา หรือ พันธุ์ไม้น้ำหลากหลายชนิด ทำให้เราสามารถออกแบบรูปแบบต่างๆ มาให้ลูกค้าได้เลือก โดยส่วนของปลา และพันธุ์ไม้น้ำ ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ประมาณ 30% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด และค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องระบบ ไฟฟ้าส่องสว่าง ระบบกรองน้ำ ส่วนตู้ในการทำอะควาเรียมจะใช้อะคิลิก แทนกระจกเพราะมีความปลอดภัยมากกว่า และดูแลรักษาง่ายกว่า ปัจจุบันตู้ปลาสมัยใหม่จะใช้วัสดุอะคิลิกแทนกระจก
ปัจจุบัน เทคโนโลยีตู้เลี้ยงปลา และพันธุ์ไม้น้ำมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้การเลี้ยงปลา และพันธุ์ไม้น้ำง่ายมากขึ้น ไม่ต้องดูแลรักษามาก และโอกาสรอดของปลา และพันธุ์ไม้น้ำก็มีสูง และมีความสวยงามมากขึ้นจากระบบไฟส่องสว่าง การออกแบบตู้มีรูปแบบ รูปทรงที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้ตลาดของการเลี้ยงพืชและสัตว์น้ำได้รับความนิยม โดยเฉพาะวัยรุ่นหันมาให้ความสนใจ เลี้ยงกันเป็นงานอดิเรก
นายนิตินันท์ เล่าว่า ได้เริ่มต้นเข้ามาทำธุรกิจอะควาเรียม เมื่อประมาณปี 2540 เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ จากเดิมเป็นนักบัญชี มีรายได้เป็นหลักแสน แต่หลังจากได้รับผลกระทบดังกล่าว จำเป็นต้องหันมาทำกิจการส่วนตัว เริ่มจากขายปลา และตู้ปลา ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร และค่อยๆ พัฒนาจากตู้ปลาเล็ก เริ่มรับทำงานใหญ่ขึ้น จากตู้ปลาใหญ่ เป็นอะควาเรียม งานแรก ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลแอร์พอร์ต จังหวัดเชียงใหม่ และก็ค่อยพัฒนามาเรื่อยจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีรายได้ต่อปีกว่า 30 ล้านบาท
โดยหาประสบการณ์จากการศึกษาด้วยตัวเอง และเดินทางไปดูอะควาเรียมในต่างประเทศที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และนำมาปรับใช้กับกิจการของอะควาติก้า ทำให้ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยทัดเทียมกับต่างประเทศ และมีแผนที่จะขยายช่องทางไปต่างประเทศ เพราะประเทศในแถบใกล้บ้านเรา ยังไม่มีผู้ผลิตอะควาเรียม ที่มีเทคโนโลยีแบบเรา น่าจะเป็นช่องทางให้เราสามารถขยายช่องทางเข้าไปทำตลาดได้ ปัจจุบัน มีลูกค้าจากเวียดนาม และ กัมพูชา และมีแผนจะไปทำตลาดประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ เพราะเราได้เปรียบเรื่องค่าใช้จ่ายถูกกว่า ปัจจุบันในธุรกิจนี้จะแข่งกันที่ดีไซน์ ส่วนเทคโนโลยีจะใกล้เคียงกัน ส่วนใหญ่จะนำเข้าเทคโนโลยีจากประเทศจีน ซึ่งลูกค้ามาจากการบอกกันแบบปากต่อปาก และผ่านทางเว็บไซต์
“ส่วนการเปิดเสรีการค้า น่าจะมีนักลงทุนจากสิงคโปร์ หรือ จีน สนใจเข้ามาทำธุรกิจด้านนี้ในประเทศไทย เพราะประเทศไทยมีผู้ผลิตไม่กี่ราย แต่การที่สิงคโปร์ หรือจีนเข้ามาเปิดตลาด จะเป็นการช่วยกระตุ้นให้ตลาดมีการขยายตัวมากขึ้น เมื่อความต้องการเพิ่มมากขึ้น โอกาสของเราก็มีมากขึ้นไปด้วย ซึ่งเราจะได้เปรียบเพราะราคาถูกกว่า และเรามั่นใจเรื่องดีไซน์ที่น่าจะสู้ต่างประเทศได้อย่างแน่นอน”
โทร. 0-2589-6668