“ข้าวแต๋นน้ำแตงโม” จากฝีมือของกลุ่มแม่บ้านเกษตรบ้านหนองปริง ต.นาท่อม อ.เมือง จ.พัทลุง เป็นการนำเอาภูมิปัญญาจากถิ่นกำเนิดภาคเหนือ มาผสมผสานวัฒนธรรมการบริโภคน้ำแตงโมของชาวภาคใต้ โดยพัฒนาต่อยอดสูตรจนได้สินค้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นที่ถูกอกถูกใจของลูกค้า
โดยกลุ่มอาชีพดังกล่าว มีผู้นำที่ช่วยผลักดันสินค้าให้ผ่านอุปสรรคจนถึงวันแห่งความสำเร็จ อย่าง “นางมิก เรืองรักษ์” ด้วยเจตนาอยากสร้างงานสร้างรายได้ให้คนในชุมชน โดยควักทุนส่วนตัวรวบรวมกลุ่มแม่บ้านมาบุกเบิกตลาด “ข้าวแต๋นน้ำแตงโม” เป็นเจ้าแรกในจังหวัดพัทลุง
“ป้าเป็นคนไม่ชอบอยู่นิ่งพอเสร็จจากงานกรีดยางช่วงกลางวัน ก็ทำขนมโบราณขาย ช่วงแรกทำคนเดียวขายคนเดียว แต่พอเห็นว่าสินค้าขายได้ ปี 2546 ก็เริ่มชักชวนเด็กนักเรียน แม่บ้านที่ว่างจากงานมารวมกลุ่ม ทำขนมต่างๆ ขายหารายได้พิเศษกัน ซึ่งก็ขายได้ดี แต่ระยะหลังมีคนทำกันเยอะขึ้นทำให้ต้องเหนื่อยกับการหาตลาด คิดอยากหาสินค้าชนิดใหม่ ที่ ในท้องถิ่นยังไม่มีใครทำ ประจวบช่วงนั้นชมรมเคหกิจ - เกษตร เข้ามาแนะนำอบรมวิธี “ข้าวแต๋นน้ำแตงโม” ป้าเห็นว่าเป็นของใหม่ที่ยังไม่มีใครเขาทำกันเลยตัดสินใจลงมือทำ” นางนิก เล่าจุดเริ่มต้น
“ข้าวแต๋นน้ำแตงโม” ของแม่บ้านกลุ่มนี้ จุดเด่นอยู่ที่รสชาติอร่อยที่ไม่เหมือนใคร มีทั้งความหอม มัน กรอบนุ่ม อีกทั้ง กลิ่นหอมหวนของน้ำอ้อยสดผสมสีแดงจากน้ำแตงโม ซึ่งกว่าจะได้สูตรที่ลงตัวนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงช่วงข้ามวัน ต้องใช้เวลาในการคิดค้นทั้งตามตำรา และพลิกแพลงเอาเอง ลองผิดลองถูกนับครั้งไม่ถ้วน กินได้บ้างไม่ได้บ้าง ช่วยกันคิดช่วยกันทำ จนได้รสชาติ และสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
“การทำข้าวแต๋นน้ำแตงโมให้อร่อยนั้น ข้าวเหนียวนึ่งจะต้องไม่ให้นิ่มหรือแข็งจนเกินไป ส่วนใหญ่นิยมเอาน้ำอ้อยไปเคี่ยวกับน้ำตาลปี๊บแล้วค่อยเอามาราดหน้า แต่ของเราใช้น้ำอ้อยสดมาคลุกเคล้ากับข้าวเหนียวสุกผสมน้ำแตงโมก่อนนำไปอัดลงบนแม่พิมพ์เพื่อให้น้ำอ้อยเกาะข้าวเหนียวทั่วทุกเม็ด แล้วค่อยราดหน้าด้วยน้ำตาลบปี๊บเคี่ยว เวลารับประทานจะได้ทั้งกลิ่นและรสชาติของน้ำอ้อย น้ำแตงโม จากข้าวเหนียว” นางมิก อธิบายเคล็ดลับ
เนื่องจากเป็นเจ้าแรกในท้องถิ่น อีกทั้ง รสชาติเป็นที่ถูกใจผู้บริโภค ส่งผลให้สินค้าค่อยๆ สร้างชื่อ ได้ผลตอบรับดีขึ้นต่อเนื่อง จากระยะแรกที่เคยขายได้แค่ 300 บาทต่อเดือน ปัจจุบันกระโดดขึ้นมาเป็นเดือนละกว่า 300,000 แสนบาท ถือได้ว่าเป็นเจ้าดังประจำ จ.พัทลุง และเป็นสินค้าของฝากที่นักท่องเที่ยวมาเยือนต้องซื้อกลับไป ซึ่งรายได้ที่เข้ามาช่วยให้สมาชิกกลุ่มกว่า 30 คน พลอยอยู่ดีกินดีตามไปด้วย มีรายได้เฉลี่ยจากอาชีพนี้ต่อคนต่อเดือนราว 5,000-6,000 บาท
สำหรับขั้นตอนและวิธีการทำ เริ่มจากเตรียมน้ำแตงโม คั้นเอาเฉพาะน้ำ ตวงข้าวเหนียวตามปริมาณที่ต้องการนำไปล้างด้วยนำสะอาด จากนั้นนำไปแช่ด้วยน้ำแตงไปทิ้งไว้ 6 ชั่วโมง ก่อนนำมานึ่งจนข้าวสุก อย่าให้เปียกหรือแข็งจนเกินไป ตักใส่ภาชนะ เติมน้ำแตงโมต้มสุกกับน้ำอ้อยสดลงไป ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล เล็กน้อยคลุกเคล้าให้เข้ากันจนได้ที่ นำไปอัดลงบนแม่พิมพ์ตามขนาดที่ต้องการ จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้ง หรือเข้าตู้อบไฟฟ้าตั้งความร้อนที่ 150 องศา นาน 2 ชั่วโมง จึงนำมาทอดในกระทะน้ำมันใช้ไฟปานกลาง พลิกไปมาให้เม็ดข้าวพองและสุกจนทั่วแผ่นจึงยกขึ้น แล้วนำไปราดหน้าด้วย น้ำตาลปี๊บเคี่ยว ส่วนหน้าธัญพืชราดด้วยงาขาว งาดำ และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ วางไว้จนอุณหภูมิเย็น ก่อนแพ็กลงบรรจุภัณฑ์วางจำหน่าย
นางนิก เผยว่า หัวใจที่ทำให้สินค้าได้รับความนิยม นอกเหนือความอร่อยแล้ว ต้องเน้นเรื่องคุณภาพและความสะอาด เลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสดใหม่ ผลิตวันต่อวัน แถมยังขายในราคาเหมาะสม เริ่มตั้งแต่ห่อละ 7 บาท จนถึง 25 บาท มีให้เลือกถึง 3 รสชาติ ได้แก่ ธัญพืช หวาน และเค็ม พร้อมการันตีคุณภาพสินค้าด้วยเครื่องหมายฮาลาล มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) โอทอป 4 ดาว และผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
สำหรับช่องทางจำหน่าย จะวางตามร้านสินค้าของฝากใน จ.พัทลุง และใกล้เคียง เช่น ตรัง กระบี่ ภูเก็ต ยะลา ปัตตานี และศูนย์โอทอป เป็นต้น รวมถึง จะมีลูกค้าแวะเวียนมาเยี่ยมชมกิจการและซื้อสินค้ากันถึงแหล่งผลิตเสมอๆ นอกจากนั้น ยังได้รับการสนับสนุนจากห้างเทสโก้โลตัส สาขาพัทลุง แบ่งพื้นที่โซนโอทอปให้วางจำหน่ายสินค้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอีกด้วย
นางนิก ทิ้งท้ายว่า การทำงานย่อมเหนื่อยเป็นธรรมดา แต่ไม่เคยท้อที่จะสู้ฝ่าฟันด้วยความซื่อสัตย์ ขยัน และอดทน จนสามารถพากลุ่มก้าวขึ้นมาเป็นขนมข้าวแต๋นน้ำแตงโมเจ้าดังของเมืองพัทลุงได้สำเร็จ และที่สำคัญช่วยให้ครอบครัว และชาวบ้านในท้องถิ่น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นถ้วนหน้า
************
โทร. 089-512-2405 ,081095-5089