อุตสาหกรรมท่องเที่ยว เห็นชอบจัดระเบียบผู้ประกอบการอพาร์ตเม้นต์ แยกจากธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ท หวั่นกระทบภาพลักษณ์ประเทศและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว หลังยังไม่มีข้อกำหนดที่ชัดเจน
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) เห็นชอบแนวทางของ สทท.ที่ขอให้เร่งรัดจัดระเบียบผู้ประกอบการเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ให้แยกออกจากธุรกิจโรงแรม เนื่องจากปัจจุบันมีอพาร์ตเมนต์จำนวนมากประกอบธุรกิจแบบผิดกฎหมายและมาแย่งลูกค้าของโรงแรม โดยไม่มีการจดทะเบียนให้ถูกต้องเหมือนกับธุรกิจโรงแรม ที่มี พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2547 กำกับอยู่ โดยขณะนี้มีเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์เกิดขึ้นร่วม 4,000 แห่ง ใกล้เคียงกับโรงแรมที่ถูกต้องตามกฎหมายที่มีอยู่ 5,000 แห่ง แต่มีเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ที่จดทะเบียนทำธุรกิจโรงแรมอย่างถูกต้องเพียง 165 แห่งเท่านั้น โดยพบว่าหน่วยราชการจำนวนมากก็เป็นลูกค้าของเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ด้วย
ทั้งนี้การเสนอให้จัดระเบียบเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เพราะเริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้าพักตามเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์มากขึ้น เนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่า แต่ไม่มีข้อกำหนดในเรื่องของความปลอดภัย การจ่ายภาษีโรงเรือน ภาษีบำรุงท้องที่ แตกต่างกับธุรกิจโรงแรมอย่างถูกต้อง ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยได้รับที่จะไปตรวจสอบให้ โดยเจ้าของอพาร์ทเมนต์ที่ทำธุรกิจผิดประเภท ให้ลูกค้าพักค้างคืนน้อยกว่า 30 วัน จะมีค่าปรับวันละ 10,000 บาท
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรอ.มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดจัดระเบียบผู้ประกอบการเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ที่ยังไม่ได้รับอนุญาตทำธุรกิจโรงแรม และมอบหมายให้สำนักนายกรัฐมนตรี มีหนังสือเวียนส่วนราชการ ไม่ให้ใช้บริการพักแรมชั่วคราวที่มีระยะเวลาน้อยกว่า 1 เดือนในเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตและที่ไม่เข้าข่ายตามบทนิยามของโรงแรม
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) เห็นชอบแนวทางของ สทท.ที่ขอให้เร่งรัดจัดระเบียบผู้ประกอบการเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ให้แยกออกจากธุรกิจโรงแรม เนื่องจากปัจจุบันมีอพาร์ตเมนต์จำนวนมากประกอบธุรกิจแบบผิดกฎหมายและมาแย่งลูกค้าของโรงแรม โดยไม่มีการจดทะเบียนให้ถูกต้องเหมือนกับธุรกิจโรงแรม ที่มี พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2547 กำกับอยู่ โดยขณะนี้มีเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์เกิดขึ้นร่วม 4,000 แห่ง ใกล้เคียงกับโรงแรมที่ถูกต้องตามกฎหมายที่มีอยู่ 5,000 แห่ง แต่มีเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ที่จดทะเบียนทำธุรกิจโรงแรมอย่างถูกต้องเพียง 165 แห่งเท่านั้น โดยพบว่าหน่วยราชการจำนวนมากก็เป็นลูกค้าของเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ด้วย
ทั้งนี้การเสนอให้จัดระเบียบเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เพราะเริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้าพักตามเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์มากขึ้น เนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่า แต่ไม่มีข้อกำหนดในเรื่องของความปลอดภัย การจ่ายภาษีโรงเรือน ภาษีบำรุงท้องที่ แตกต่างกับธุรกิจโรงแรมอย่างถูกต้อง ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยได้รับที่จะไปตรวจสอบให้ โดยเจ้าของอพาร์ทเมนต์ที่ทำธุรกิจผิดประเภท ให้ลูกค้าพักค้างคืนน้อยกว่า 30 วัน จะมีค่าปรับวันละ 10,000 บาท
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรอ.มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดจัดระเบียบผู้ประกอบการเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ที่ยังไม่ได้รับอนุญาตทำธุรกิจโรงแรม และมอบหมายให้สำนักนายกรัฐมนตรี มีหนังสือเวียนส่วนราชการ ไม่ให้ใช้บริการพักแรมชั่วคราวที่มีระยะเวลาน้อยกว่า 1 เดือนในเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตและที่ไม่เข้าข่ายตามบทนิยามของโรงแรม