บางครั้งการเสียสละด้านการศึกษา ก็สามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้เหมือนกัน อย่าง “ธนกิจผ้าไทย” ที่น้องสาวยอมเรียนแค่ชั้น ม.6 เพื่อช่วยครอบครัวทำงานหารายได้ ให้ผู้เป็นพี่ชายได้เรียนในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่น้องสาวไม่เคยเสียใจเลย กลับคิดว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ค้นพบตัวเอง ว่ารักที่จะทำอะไร ซึ่ง “ผ้าไทย” คือคำตอบ ที่ทำให้ตนเองและครอบครัวมีกินมีใช้อย่างมีความสุขมาจนถึงปัจจุบัน
ธนกิจผ้าไทย แหล่งรวบรวมผ้าไทยครบวงจรแห่งหนึ่งของไทย อย่างผ้ามัดหมี่ ผ้าไหม จ.สระบุรี ซึ่งเส้นทางของธุรกิจนี้ถือเป็นผลงานที่ใช้ความรัก ความชอบ ในงานที่ตนรัก และความหลงใหลในผ้าไทย เป็นแรงผลักดันในการพัฒนาธุรกิจ ให้เป็นที่ยอมรับในเรื่องคุณภาพ ฝีไม้ลายมือในการออกแบบเสื้อผ้าสำเร็จรูปของผ้ามัดหมี่ และผ้าไหม ในหมู่คนไทย และชาวต่างชาติ
ดวงรัตน์ ศิริวัฒน์ หรือ ที่ลูกค้าเรียกขานว่า คุณแจ๊ด เจ้าของและผู้บริหารธนกิจผ้าไทย เล่าว่า แต่เดิมตนเป็นคน อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ซึ่งครอบครัวก็ไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองมากนัก ทำให้เมื่อผู้เป็นพี่ชายสอบติดในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทางครอบครัวต้องพยายามทำงานหาเงินเพื่อส่งเสียให้ลูกชายได้เรียนต่อในกรุงเทพฯ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ดังนั้น ดวงรัตน์ ผู้เป็นน้องสาว จึงตัดสินใจจบอนาคตทางการศึกษาของตนไว้เพียงระดับชั้น ม.6 เท่านั้น เพื่อออกมาขายของเล็กๆ น้อยๆ เพื่อรายได้ให้ครอบครัวอีกทางหนึ่ง ซึ่งหากย้อนไปประมาณ 20 กว่าปีก่อน ชาวบ้านในอ.บ้านหมี่ จะนิยมเจียระไนพลอยกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ดวงรัตน์ นำอุปกรณ์ในการเจียระไนพลอยมาขาย ซึ่งรายได้ค่อนข้างดี แต่ต่อมาอาชีพนี้ได้รับความนิยมน้อยลง ชาวบ้านจึงหันไปทอผ้ามัดหมี่ อย่างเดิม ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมา โดยเป็นที่รู้กันว่าคุณภาพและลวดลายของผ้ามัดหมี่ อ.บ้านหมี่ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งดวงรัตน์ก็หันมาจำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวกับการทอผ้ามัดหมี่เช่นกัน คือ เส้นด้าย และสีย้อม
ถือว่าธุรกิจของดวงรัตน์ไปได้ดีพอสมควร แต่ก็ต้องมาสะดุดลงเมื่อชาวบ้านเริ่มขายผ้าได้น้อยลง เพราะขาดการทำตลาดที่ดี ส่งผลให้เส้นด้ายและสีย้อมต้องสะดุดตามไปด้วย ทำให้ดวงรัตน์ตัดสินใจนำผ้าของชาวบ้านมาขายพร้อมกับทำตลาดให้ โดยขณะนั้นคิดแต่เพียงว่าหากผ้าขายได้ เส้นด้ายและสีย้อมของตนก็จะดำเนินต่อไปได้เช่นกัน แต่นั่นกลับกลายเป็นก้าวที่สำคัญในชีวิตของดวงรัตน์ ที่ทำให้หลงรักในผ้าไทยอย่างถอนตัวไม่ขึ้น พัฒนาธุรกิจร้านผ้าไทยมาได้อย่างยิ่งใหญ่มาจนถึงปัจจุบัน
“หลังจากที่เราได้มีโอกาสเข้าไปคลุกคลีกับผ้าไทยในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการย้อม การทอ ไปจนกระทั่งการได้พูดคุย แลกเปลี่ยนทัศนะคติกับลูกค้าโดยตรง ทำให้เราอยากที่จะพัฒนาผ้าไทยให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มคนที่กว้างขวางขึ้น ที่จากเดิมผ้ามัดหมี่จะตัดเย็บออกมาเป็นผ้าถุงให้กับผู้สูงอายุสวมใส่เท่านั้น เพราะสีและลวดลายจะออกทึมๆ ไม่สดใส เราจึงคิดให้ชาวบ้านทอผ้ามัดหมี่ให้มีสีสันที่สดใสขึ้น เพื่อนำมาตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูปให้กับข้าราชการ ซึ่งในยุคนั้นรัฐบาลรณรงค์ให้ข้าราชการใส่ผ้าไทยมาทำงาน รวมถึงดวงรัตน์ได้นำเสื้อผ้าจากผ้าไทยที่ออกแบบด้วยสีสันสดใส ให้ดารา นักแสดง มาเป็นแบบ เพื่อถ่ายภาพลงหนังสือแฟชั่นด้วย ปรากฏว่าได้รับการตอบรับดี คนไทยเริ่มหันมานิยมใส่ผ้ามัดหมี่กันมากขึ้น”
ทางธนกิจผ้าไทยพยายามทำให้ ผ้าไทยในความรู้สึกของคนไทย ไม่จำกัดอยู่แต่ในกลุ่มของผู้สูงอายุเท่านั้น เพราะหากได้รับการออกแบบให้ทันสมัย เน้นลวดลายและสีสันให้สดใส ผ่านการตัดเย็บอย่างประณีต วัยรุ่น หรือแม้กระทั่งเด็กก็สามารถสวมใส่ชุดผ้าไทยได้
เมื่อธนกิจผ้าไทย พร้อมผลักดันให้คนไทยหันมานิยมผ้าไทยอย่างสุดตัวแล้ว ดังนั้นในเรื่องของราคาก็ย่อมเหมาะสมในระดับที่คนไทยยอมรับได้ด้วย ซึ่งราคาต้องไม่สูงเกินไปนัก เช่น ผ้ามัดหมี่ขนาด 4 หลา (ตัดได้ 1 ชุด) ราคาเริ่มต้นที่ 199-761 บาท ในขณะที่เนื้อผ้าก็ออกแบบมาให้เหมาะกับสภาพอากาศในของเมืองไทย คือ ที่ผ่านมาผ้ามัดหมี่จะมีเนื้อผ้าค่อนข้างหนา แต่ทางธนกิจผ้าไทยได้นำข้อดีของผ้ามัดหมี่ และผ้าไหมมารวมเข้าด้วยกัน กล่าวคือ คงเนื้อผ้าของมัดหมี่ที่ดูแลรักษาง่าย มาผสมกับข้อดีของผ้าไหมที่มีความเงางาม ทำให้สุดท้ายได้ออกมาเป็นผ้ามัดหมี่ที่นิ่ม สวมใส่สบาย มีความเงางามเพิ่มความหรูหรา แถมยังดูแลรักษาง่ายขึ้นในราคาไม่แพง ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผ้ามัดหมี่ จากธนกิจผ้าไทยที่หาตัวจับยาก
***สนใจติดต่อ 03-6275-222-5***