'น้ำข้าวกล้องงอก'สูตรลูกชาวนาตัวจริง

น้ำข้าวกล้องงอก เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ถือได้ว่ากำลังมาแรงสุดในช่วงนี้ จากการโปรโมทของสำนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ชี้ให้เห็นถึงคุณประโยชน์ของข้าวกล้องงอก รวมถึงได้คิดวิธีการทำน้ำข้าวกล้องงอกออกมาเป็นเครื่องดื่มเพื่อบริโภค อีกทั้งเครื่องดื่มน้ำกล้องงอกยังได้ขึ้นโต๊ะเสวยของ "ในหลวง" อีกด้วย

จึงส่งผลให้เครื่องดื่มน้ำข้าวกล้องงอกได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ ที่ผ่านมา ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดอบรมการทำน้ำข้าวกล้องงอก มีผู้สนใจเข้ารับการฝึกอบรมเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนั้น ก็เป็นเจ้าของแบรนด์ น้ำข้าวกล้องงอก “ตราชาวนา” ของ "นางทองสุข จันทรอัมพร"

สำหรับนางทองสุข จันทรอัมพร เจ้าของแบรนด์น้ำข้าวกล้องงอก “ ตราชาวนา” เป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าว หรือ ทำนา อยู่ที่จังหวัดปทุมธานี โดยปลูกข้าวหอมมะลิสายพันธุ์หอมนิล สลับการปลูกข้าวขาวทั่วไป ซึ่งข้าวที่ผลิตได้ นางทองสุข จะนำมาทำเป็นข้าวกล้องหอมนิล ออกจำหน่ายด้วยตัวเอง คือเป็นทั้งผู้ผลิตทำนา สีข้าว และจัดจำหน่ายเอง

หลังจากได้มีการเผยแพร่เรื่องของน้ำข้าวกล้องงอกออกไป พร้อมทั้งจัดการฝึกอบรมวิธีการทำให้กับบุคคลทั่วไป นางทองสุข จึงได้ตัดสินใจมาเรียน เพราะมีวัตถุดิบอยู่ และเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการช่วยเพิ่มมูลค่า ข้าวกล้องหอมนิลที่มีอยู่ให้มีราคาเพิ่มขึ้น และได้ทำน้ำข้าวกล้องงอกออกจำหน่าย ใช้แบรนด์ "ตราชาวนา" เพราะต้องการแสดงให้เห็นว่า เป็นผลผลิตที่มาจากชาวนาจริง

นางทองสุข เล่าว่า ตนเอง รู้สึกภาคภูมิใจมากกับการที่ได้ใช้ตราชาวนา เพราะครอบครัวของเราทำนากันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ หลายชั่วอายุคน และครั้งนี้ ได้ใช้ผลผลิตที่มาจากการทำนาของเรา และเมื่อใครนึกถึงน้ำกล้องงอกหอมนิล ก็จะต้องนึกถึงว่ามันมาจากลูกชาวนาคนทำนาแท้ๆอย่างเรา

สำหรับน้ำข้าวกล้องงอก ตราชาวนา มีจุดเด่นตรงที่ใช้ข้าวกล้องงอกหอมนิล ซึ่งยังไม่เคยมีใครนำข้าวกล้องหอมนิลมาทำน้ำข้าวกล้องงอก ส่วนใหญ่ที่ใช้กัน หรือตามที่ได้อบรมมามักจะแนะนำให้ใช้ ข้าวหอมมะลิ 105 ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวเหนียวดำ ข้าวฮาง ฯ ส่วนรสชาตินั้นได้มีการปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสม โดยได้มีการทดลองทำให้คนรอบข้างได้ชิม เพื่อนำมาปรับให้ออกมาดีที่สุด

“อย่างไรก็ตาม เราเพิ่งได้เปิดตลาดอย่างจริงจังเพียงแค่ 1 เดือน ก็คงยังต้องให้ลูกค้าได้ติชมหรือแนะนำ เพื่อนำมาปรับให้ออกมาตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด แต่ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ก็ชื่นชอบกับรสชาติที่เราทำออกมา จะมีติบ้าง เรื่องของความหวาน เพราะบางคนต้องการอาหารเพื่อสุขภาพจริง ที่ไม่หวาน ซึ่งในอนาคต เราก็อาจจะออกน้ำข้าวกล้องงอกเพื่อสุขภาพที่ไม่ใส่น้ำตาลออกมาอีกสูตรหนึ่งก็ได้ ถ้าลูกค้ามีความต้องการมากพอ”

ในส่วนของช่องทางการขาย ในช่วงแรกเป็นช่วงแนะนำ ใช้การออกงานแสดงสินค้าตามจุดต่างๆ ซึ่งก็มีทั้งงานแสดงสินค้าที่ทางจังหวัดปทุมธานี จัดขึ้น ซึ่งเราอยู่ในกลุ่มฟื้นฟูชาวนา จึงได้ร่วมนำสินค้าไปออกงานด้วย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หรือ งานแสดงสินค้าที่จัดโดยภาคเอกชน ที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ก็ร่วมออกด้วยเช่น เช่น ล่าสุด งานแสดงสินค้าเพื่อสุขภาพ ที่เมืองทองธานี และงานแสดงสินค้าอื่นๆ อีกหลายแห่ง ทั้งที่ไปขายเองและมีพ่อค้าคนกลาง

นางทองสุข เล่าว่า ในส่วนของการตั้งราคา ตั้งจากต้นทุนวัตถุดิบเป็นหลัก ราคาขายปลีกขณะนี้ อยู่ที่ขวดละ 15 บาท ขนาด 180 ซีซี ราคาขายส่งอยู่ที่ขวดละ 10 บาทถึง 11 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนการสั่งซื้อ ส่วนอายุการเก็บรักษา เก็บในตู้เย็นสามารถอยู่ได้นาน 5 วัน ที่สามารถเก็บได้นานเพราะในขั้นตอนการผลิตได้มีการผ่านการพาสเจอไรซ์

ทั้งนี้ นางทองสุขถือว่า เป็นเกษตรกรตัวอย่าง ที่ไม่ได้เป็นเกษตรกรที่รู้จักการผลิต แต่เพียงอย่างเดียว แต่รู้จักที่จะนำผลผลิตของตัวเองมาเพิ่มมูลค่า และที่สำคัญรู้จักวิธีการทำการค้าควบคู่ไปด้วย ไม่ต้องพึ่งพ่อค้าคนกลางให้เขามากำหนดราคา เอารัดการเปรียบเกษตรกร

“การทำการเกษตรของเรา อาจจะต่างจากเกษตรกรคนอื่นๆ เพราะเมื่อทำอะไรออกมาจะนำไปขายเอง เมื่อก่อนปลูกส้ม ก็ขายเอง ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ทำให้เราขายได้ราคาเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งครอบครัวของเราทำแบบนี้กันมานานแล้ว เรียกได้ว่า รู้จักทำ รู้จักขาย ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน แม้ว่าจะเป็นเกษตรกรก็ตาม”

สนใจ โทร. 08-1344-2264