ในยุคของชุมชนเมืองที่ต้องเร่งรีบไปซะทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเดิน ทำให้เวลาส่วนใหญ่ของคนกรุงไปอยู่ที่ออฟฟิศ และบนท้องถนน ดังนั้นการที่จะกลับถึงบ้านก่อนพระอาทิตย์ตกดินเพื่อมาทำอาหารเย็นกับครอบครัว คงจะหาได้ยากเต็มทีในสังคมเมือง ดังนั้นจึงก่อเกิดธุรกิจที่ขอดูแลในเรื่องอาหารการกินสำหรับครอบครัวยุคใหม่ ที่เมื่อกลับมาจากที่ทำงานก็มีอาหารพร้อมรับประทานได้ทันที ซึ่งรสชาติอาหารก็อยู่ในระดับมาตรฐาน แถมไม่ใส่ผงชูรสอีกตะหาก
สิริกร เดลิเวอรี่ จึงกลายเป็นคำตอบให้กับคนกรุงได้เป็นอย่างดี ในการดูแลเรื่องอาหารการกินให้กับมนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีเวลาทำอาหารรับประทานเองด้วยอาหารปิ่นโต อาหารกล่อง หรือแม้กระทั่งการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ภายใต้การควบคุมคุณภาพและรสชาติอาหารของ สิริกร สุกมา ผู้ชื่นชอบการทำอาหารพร้อมหุ้นส่วน คือ นายภูวนาถ อินทราทิพย์ ผู้บริหาร สิริกร เดลิเวอรี่ และหนึ่งในหุ้นส่วนที่หลงใหลในการทำอาหารเช่นกัน โดยเข้ามาช่วยดูแลด้านการตลาด พร้อมเล่าถึงที่มาของธุรกิจนี้ว่า เกิดจากที่ทั้งคู่ชอบการทำอาหารเป็นทุนเดิม จึงคิดอยากเปิดร้านอาหารอย่างจริงจัง แต่เมื่อมาศึกษาตลาดในปัจจุบันอย่างถ่องแท้แล้วก็พบว่า การลงทุนทำร้านอาหารเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินทุนสูง ประกอบกับมีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจด้วยเช่นกัน
ดังนั้นจึงปรับเปลี่ยนแนวคิดใหม่ และมองหาช่องว่างทางการตลาดที่พอจะเป็นไปได้ และใช้เงินลงทุนไม่สูงเกินไปนัก สุดท้ายทุกอย่างจึงมาลงตัวที่เดลิเวอรี่ (Delivery) หรือการจัดส่งอาหารถึงบ้านในรูปแบบของปิ่นโต หวังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้ผู้บริโภคในยุคสังคมแห่งการแข่งขัน
“ผมมองว่าการเดลิเวอรี่ในยุคนี้ ยังเป็นธุรกิจที่เติบโตได้ และสามารถตอบโจทย์คนเมืองได้เป็นอย่างดี รวมถึงที่ผ่านมาผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจด้านการส่งอาหารไปตามบ้านยังมีน้อย หรือมีจำกัดเพียงบางพื้นที่เท่านั้น ซึ่งการส่งอาหารปิ่นโตของผมจะเน้นพื้นที่ย่านฝั่งธน เช่น ปิ่นเกล้า ตลิ่งชัน ท่าพระ บางกอกน้อย ถนนบรมราชชนนี บางพลัด บางแค พุทธมณฑลสาย 1,2,3 เป็นต้น เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เราสามารถผลิตอาหาร และจัดส่งได้ตรงตามเวลาที่กำหนดให้มื้อกลางวันและมื้อเย็น”
ในปี 2550 ถือเป็นการเริ่มต้นของ “สิริกร เดลิเวอรี่” ที่ทำอาหารปิ่นโตส่งตามบ้านพักอาศัยเป็นหลัก ซึ่งอุปสรรคในช่วงนั้นคือ ลูกค้ายังรู้จักน้อย ส่งผลให้มีลูกค้าน้อยตามไปด้วย แต่ต่อมาในปี 2551จึงแตกไลน์เป็น Snack Box หรืออาหารว่างแบบกล่องส่งตามหน่วยงานราชการ และบริษัทเอกชนในระหว่างการประชุม และอาหารกล่องพร้อมรับประทานจัดส่งทั่วกรุงเทพฯ โดยราคาค่าจัดส่งเริ่มต้นที่ 50 บาท ซึ่งการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์อาหารในรูปแบบต่างๆ ส่งผลให้จำนวนลูกค้าเพิ่มมากขึ้น และรู้จักสิริกร เดลิเวอรี่ มากขึ้นเป็นลำดับ
ปัจจุบันสัดส่วนของอาหารปิ่นโตอยู่ที่ 60% อาหารกล่อง 30% และการจัดเลี้ยงนอกสถานที่อีก 10% ซึ่งการจัดเลี้ยงนอกสถานที่นั้น ภูวนาถ บอกว่า ทางร้านไม่เน้นมากนัก เนื่องจากต้องอาศัยบุคคลากรจำนวนมากในการจัดเลี้ยงแต่ละครั้ง
“จุดเด่นของอาหารของเราอยู่ที่รสชาติที่เป็นมาตรฐาน และมีเมนูหลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกสรร ซึ่งเมนูจะปรับเปลี่ยนทุกเดือนไม่จำเจ โดยดูจากเทรนด์ความนิยมในการบริโภคอาหารของลูกค้าเป็นหลัก รวมถึงเมนูอาหารทุกชนิดของทางร้านจะไม่ใช้ผงชูรสเลย ทำให้ลูกค้าไว้วางใจ และเลือกให้เป็นอาหารสำหรับทุกคนในครอบครัว”
นอกจากความเอาใจใส่ในเรื่องรสชาติแล้ว การใส่ใจในรายละเอียดของลูกค้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ และถือเป็นจุดขายที่ลูกค้าเลือกอาหารปิ่นโตของสิริกร เดลิเวอรี่ เช่น การจดจำพฤติกรรมการรับประทานอาหารของลูกค้าได้ อย่างการไม่ทานต้นหอม กระเทียม เผ็ด หรือเค็ม เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าจะเป็นในรูปแบบของครอบครัว หรือสั่งให้ผู้สูงอายุที่อยู่บ้านในช่วงกลางวันเพียงลำพังรับประทาน ซึ่งราคาที่ตั้งไว้ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ โดยคำนวณจากวัตถุดิบคุณภาพ และปริมาณที่เหมาะสมต้องให้ลูกค้ารับประทานอาหารอิ่มทุกมื้อ เช่น การสั่งอาหาร 3 อย่าง ราคาอยู่ที่ 180 บาท (สำหรับ 3-4 ท่าน) และอาหาร 4 อย่าง ราคา 220 บาท (สำหรับ 5-6 ท่าน)
ขณะนี้ทางสิริกรเดลิเวอรี่ ได้นำร่องเมนูชูสุขภาพเน้นวัตถุดิบสำหรับคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ เช่น ข้าวกล้อง ผักปลอดสารพิษ ปลาแซลมอน ใช้กะทิจากถั่วเหลือง เส้นหมี่ที่ทำจากข้าวกล้อง และใช้น้ำมันมะกอกในการผัดหรือทอดอาหาร เป็นต้น โดยเป็นการแยกครัวออกเพื่อปรุงอาหารเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ เนื่องจากไม่ต้องการให้กลิ่นอาหารปนกัน ซึ่งลูกค้าก็ให้การตอบดี โดยเฉพาะลูกค้าที่ใส่ใจในอาหารเป็นพิเศษ อย่างผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง
***สนใจติดต่อ 08-1139-3355 หรือดูเมนูอาหารต่างๆ ได้ที่ http://sirikorndelivery.multiply.com/***