ปัจจุบัน ตุ๊กตาไหมพรมกำลังได้รับความนิยมในตลาดสินค้ากิฟท์ชอป จึงเป็นธรรมดาจะมีผู้ผลิตจำนวนมาก เมื่อการแข่งขันสูง รายที่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องมีความโดดเด่นเฉพาะตัว อย่างเช่น “Kiss Me Doll” ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตเบอร์ต้นๆ ในวงการ บุกเบิกตลาดด้วยดีไซน์แตกต่าง และต่อยอดด้วยคุณภาพที่ลูกค้าเชื่อถือ ช่วยให้ธุรกิจเติบโตและประสบความสำเร็จทั้งตลาดในและต่างแดน
วิศิษฎ์ กัลยาวัฒนพงศ์ เจ้าของกิจการตุ๊กตาไหมพรม แบรนด์ Kiss Me Doll เล่าแรงบันดาลใจ เกิดขึ้นเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว จากที่เดินทางไปเที่ยวภาคเหนือ เห็นสินค้าที่ระลึกทำจากไหมพรมหลายประเภท ทั้งตุ๊กตา กระเป๋า ผ้าพันคอ ฯลฯ แม้จะสวย แต่กลับรู้สึกว่า รูปแบบเหมือนกันไปหมด จึงเกิดไอเดียสร้างสรรค์สินค้าตุ๊กตาจากไหมพรมในรูปแบบที่ต่างออกไป เน้นจับตลาดสาววัยรุ่น ซึ่งเชื่อว่า เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าง่ายที่สุด
“เริ่มแรก ผมไม่มีความรู้ด้านการถักไหมพรมเลย แต่อาศัยส่วนตัวมีพื้นฐานศิลปะ กับหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต เพื่อจะคิดรูปแบบตุ๊กตาไหมพรมของตัวเอง จนลงตัวที่สไตล์ญี่ปุ่น หรือเกาหลี ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากวัยรุ่นไทย ”
เจ้าของธุรกิจ เล่าต่อว่า ใช้ทุนเริ่มต้นเพียง 2,600 บาท สำหรับซื้อวัตถุดิบไหมพรม แล้วว่าจ้างกลุ่มสตรีในบ้านเกิด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ลองถักตามแบบที่วางไว้ เมื่อได้ตุ๊กตาที่พอใจ จึงลงทุนหลักหมื่นบาท เพื่อผลิตวางตลาดจริง
“ผมเริ่มทำตลาดจากออกบูทเล็กๆ ที่สยามสแควร์ ซึ่งตอนนั้นมีจัดกิจกรรมตลาดนัดไอเดีย ปรากฏว่า สินค้าได้ผลตอบรับดีมาก นอกจากนั้น จุดสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเกิดได้เต็มตัว คือ มีผู้บริหารระดับสูงของสยามพารากอนมาเห็นสินค้าในงาน แล้วเกิดถูกใจ ติดต่อให้เปิดร้านในห้างสยามพารากอน ซึ่งถือเป็นโชคดีของผมมาก เพราะ ยากมากที่ผู้ผลิตรายเล็กๆ อย่างผมจะมีโอกาสเปิดร้านในห้างขนาดใหญ่อย่างนี้”
จากความโดดเด่นในดีไซน์ หลังได้โอกาสเปิดร้านในห้างหรูดังกล่าว ช่วยให้ตุ๊กตาไหมพรมภายใต้แบรนด์ Kiss Me Doll เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงตลาดภายในประเทศเท่านั้น ยังได้ออเดอร์ขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ สิงคโปร์ ฯลฯ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของรายได้รวมทีเดียว
ทุกวันนี้ ท่ามกลางการแข่งขันสูง มีผู้ผลิตสินค้าประเภทใกล้เคียงกันจำนวนมาก สิ่งที่ทำให้ Kiss Me Doll ประสบความสำเร็จในอันดับต้นๆ ของวงการ ทั้งในแง่ชื่อเสียงและยอดขายนั้น วิศิษฎ์ ระบุว่า มาจากปัจจัย ทั้งเป็นผู้บุกเบิกรายแรกๆ ในวงการ อีกทั้ง ดีไซน์โดดเด่น และที่สำคัญ คือ คุณภาพที่ลูกค้าเชื่อใจ โดยจำหน่ายในราคาเหมาะสม
“ปัญหาสำคัญของผม คือ การคุมคุณภาพ เพราะสินค้าเป็นงานแฮนด์เมด ซึ่งควบคุมการผลิตค่อนข้างยาก ดังนั้น ผมจะเอาใจใส่กับการวางระบบบริหารการผลิตให้สินค้ามีคุณภาพ ตั้งแต่เลือกใช้ไหมพรมเกรดเอ มีคุณสมบัติซักล้างได้โดยไม่เสียรูปทรง และสีไม่ตก ซึ่งกว่าจะได้วัสดุตามต้องการ ใช้เวลาลองผิดลองถูกนานนับปี นอกจากนั้น ก่อนรับงานจากกลุ่มแม่บ้านจะมีทีมตรวจสอบคุณภาพ ถ้าไม่ผ่านจะตีกลับเลย และที่สำคัญ ผมให้ค่าจ้างค่อนข้างสูง เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้สมาชิกตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด”
สำหรับแรงงานผลิต ทั้งหมดเป็นชาวบ้านใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปัจจุบัน มีสมาชิกกว่า 200 คน ซึ่งจากปริมาณกำลังผลิตสูง สร้างข้อได้เปรียบสามารถรับออเดอร์ในปริมาณสูงได้
ด้านการออกแบบนั้น วิศิษฎ์จะสร้างสรรค์ร่วมกับทีมงาน ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้มีพื้นฐานการออกแบบศิลปะ ประกอบกับตามติดกระแสแฟชั่นต่างประเทศ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับงานไหมพรม นับถึงเวลานี้ สินค้าของ Kiss Me Doll มีรวมกันกว่าร้อยแบบ ทั้งตุ๊กตา ที่ห้อยโทรศัพท์มือถือ พวงกุญแจ ตุ๊กตาดับกลิ่น หมวก เป็นต้น รูปแบบเน้นความน่ารัก สดใส ทันสมัย เห็นแล้วอารมณีดี ส่วนขนาดเน้นชิ้นเล็กถึงกลาง ซึ่งผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อได้ง่ายกว่าขนาดใหญ่ ราคาเริ่มต้นที่ 30 - 320 บาท มีช่องตลาด ผ่านหน้าร้านที่ห้างสยามพารากอน ร้านLoft และออกงานแสดงสินค้าสำคัญๆ เกี่ยวกับสินค้าของขวัญและของที่ระลึก
วิศิษฎ์ ยอมรับว่าจากสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวในรอบปีนี้ กระทบยอดขายลดลงบ้าง แต่โดยรวมถือว่าไม่หนักหนามากนั้น อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มที่คาดว่า ในปีหน้า (2552) เศรษฐกิจจะหดตัวรุนแรงขึ้น ได้วางแผนรองรับไว้แล้ว โดยจะพัฒนาผลิตสินค้าให้มีความหลากหลาย และตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น เชื่อว่า หากไม่หยุดคิด สินค้าที่สร้างสรรค์จากไหมพรม ยังมีโอกาสในตลาดอีกมาก
******************************
โทร.08-1848-0082