จากผู้ที่คลุกคลีอยู่ในงานดีไซน์ ทำให้ไม่ว่าจะคิดทำอะไรจะต้องเป็นสิ่งที่เกิดจากไอเดียที่แปลกใหม่ รวมถึงวัสดุที่นำมาใช้ก็ต้องไม่ซ้ำใคร และยังไม่มีจำหน่ายในท้องตลาดมากนัก ไม่เว้นแม้แต่เปลือกหอยธรรมดาที่ผู้คนมักนำมาทำเป็นโมบาย แต่ด้วยความช่างสังเกตและคิดว่าเปลือกหอยน่าจะนำมาทำประโยชน์ได้มากกว่า จึงศึกษาวิธีการทำให้เปลือกหอยนิ่ม เพื่อดัดแปลงเป็นข้าวของเครื่องใช้ได้อย่างไม่จำกัดจินตนาการ ทำให้ในปัจจุบันกลายเป็นสินค้าส่งออกที่ต่างชาติสั่งผลิตอย่างต่อเนื่อง
นฤมล สุรเลิศรังษี เจ้าของผลิตภัณฑ์แปรรูปเปลือกหอยเป็นของใช้และของตกแต่งบ้านภายใต้แบรนด์ “Pla-ta-pien” เล่าว่า ตนเองเป็นผู้ที่ชื่นชอบงานดีไซน์ที่แปลกใหม่ และมักคิดทำสินค้างานดีไซน์อย่างสม่ำเสมอ จากเดิมที่ผลิตงานด้านจักสาน โดยใช้เชือกมาสานเป็นของใช้บนโต๊ะอาหาร เชิงเทียน กรอบรูป และแจกัน จนกระทั่งได้ไปเห็นโมบายจากเปลือกหอยของชาวบ้าน จึงคิดนำงานดีไซน์เข้ามาใส่ สร้างความแตกต่างจากท้องตลาด ซึ่งก็ได้รับการตอบรับดีจากลูกค้า จนกระทั่งมาเจองานแปรรูปเปลือกหอยปิ้ง หรือที่รู้จักกันดีคือ หอยกระจก ของชาวบ้านทางภาคใต้ที่นำเปลือกหอยมาทำเป็นจาน และข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งรูปแบบยังไม่ทันสมัย ทำให้ นฤมล คิดนำงานตรงนี้มาต่อยอด โดยใส่การดีไซน์ที่คิดว่าตลาดตอบรับเข้าไป จนก่อเกิดเป็นธุรกิจส่งออกอย่างในปัจจุบัน
ทั้งนี้ขั้นตอนการเริ่มต้นของธุรกิจนี้ถือว่าไม่ง่ายเลย สำหรับผู้ที่เป็นน้องใหม่ในวงการ เพราะต้องศึกษาหาวิธีทำให้เปลือกหอยปิ้งนิ่ม เพื่อนำมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาศึกษาวิธี ลองผิดลองถูกนาน 1 ปี จนได้เปลือกหอยที่สามารถนำมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ เช่น จาน แจกัน บุกตลาดแรกที่ประเทศญี่ปุ่น หลังจากที่เพื่อนชาวญี่ปุ่นได้นำตัวอย่างสินค้าในลักษณะนี้มาให้ลองดู และบอกว่าผลิตภัณฑ์จากเปลือกหอยแฝงงานดีไซน์ กำลังได้รับความนิยมในช่วงนั้น (7 ปีที่ผ่านมา) ซึ่งหลังจากเจาะตลาดแรกที่ญี่ปุ่นก็ประสบความสำเร็จไม่น้อย เพราะถือเป็นสินค้าแปลกใหม่ที่มาจากธรรมชาติ
“การที่เราเริ่มส่งออกในตลาดญี่ปุ่นเป็นที่แรก ถือว่าเป็นประสบการณ์การเริ่มต้นของตลาดที่ส่งออก รู้ช่องทางตลาดต่างประเทศมากขึ้น เราจึงมุ่งมั่นที่จะนำสินค้าจากเปลือกหอยบุกตลาดส่งออกเพียงอย่างเดียว เพราะด้วยวัตถุดิบ และขั้นตอนที่เป็นงานแฮนด์เมดล้วนๆ ทำให้ราคาค่อนข้างสูง คนไทยยังไม่ตอบรับมากนัก รวมถึงพฤติกรรมของคนไทยก็ไม่นิยมแต่งบ้านมากนัก ไม่เหมือนชาวต่างชาติ เราจึงคิดว่าหากจะทำตลาดในไทยในช่วงนั้นอาจจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร”
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์แบรนด์ “Pla-ta-pien” จึงทำตลาดส่งออก 100% ทั้งประเทศในแถบเอเชีย คือญี่ปุ่น และสหรัฐฯ รวมถึงตลาดใหม่แถบตะวันออกกลาง ที่ขณะนี้ถือว่าเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อสูง ทำให้จากเดิมที่ทาง นฤมล จะเน้นสีของผลิตภัณฑ์เป็นสีขาวจากเปลือกหอย หรือใช้สีที่ไม่ฉูดฉาดเกินไปนัก แต่เมื่อต้องขยายตลาดไปที่แถบตะวันออกกลาง ทำให้ต้องปรับสีของผลิตภัณฑ์ให้สดใสยิ่งขึ้น เช่น สีแดง สีทอง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ สำหรับในไทยจะเน้นผลิตให้กับโรงแรม รีสอร์ที่ ที่สนใจในงานดังกล่าวเท่านั้น ส่วนการขายปลีกในไทยจะมีน้อยมาก เพราะราคาสินค้าขั้นต่ำอยู่ที่ 300 บาท ซึ่งถือว่ายังมีราคาสูงหากคนไทยจะเลือกซื้อจานสักหนึ่งใบ
สำหรับสัดส่วนการผลิต นฤมล บอกว่า ส่วนใหญ่จะผลิตตามออเดอร์ที่ได้รับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นของใช้บนโต๊ะอาหารอยู่ที่ 60% และของตกแต่งบ้านอีก 40% ซึ่งขณะนี้สินค้าของ Pla-ta-pien มีกว่า 100 รายการแล้ว โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมจะเป็น จาน เชิง เทียน กรอบรูป และแจกัน ที่ถือเป็นสิ่งของที่อยู่ในชีวิตประจำวันของกลุ่มลูกค้า
การที่วัตถุดิบหลักคือเปลือกหอยปิ้งที่ชาวบ้านเรียกขานกัน หรือหอยกระจกที่คนส่วนใหญ่จะรู้จักกันดี ทำให้เกิดคำถามที่ในเรื่องการทำลายธรรมชาติ หรือการที่ไม่อนุรักษ์ผผลิตจากทะเลให้คงสภาพเดิม ซึ่งทางนฤมล บอกว่าการที่นำเปลือกหอยมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์นั้น ถือว่าไม่ได้เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม เพราะหอยเหล่านี้จะแพร่พันธุ์ในธรรมชาติอย่างรวดเร็วทำให้ไม่เกิดปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ ซึ่งในปัจจุบันทาง Pla-ta-pien ได้เลือกนำเข้าเปลือกหอยกระจกจากประเทศอินโดนีเซีย ที่มีราคาถูก และคุณภาพดีกว่า
***สนใจติดต่อ 0-2279-7190, 08-1555-3975 หรือที่
