ข้าวถือเป็นอาหารประจำวันของคนครึ่งโลกกว่า 3,000 ล้านคน แม้ราคาจะถีบตัวสูงขึ้นกว่าเท่าตัว แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของประเทศผู้บริโภคข้าวเปลี่ยนแปลงไป จากจุดนี้เองทำให้เจ้าของร้านของชำ เข้าใจสัจธรรมในข้อนี้ จึงมุ่งมั่นศึกษาธุรกิจเส้นทางการค้าข้าวอย่างถ่องแท้ หวังเกาะกระแสการบริโภคข้าวของคนไทยเลี้ยงครอบครัว
ข้าวแสนดี คือข้าวถุงที่เกิดจากแนวความคิดของเจ้าของร้านของชำ ที่นำประสบการณ์ในการขายข้าว และนำไปส่งให้ตามร้านขายอาหารต่างๆ เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว โดยเห็นว่าข้าวสารเป็นสินค้าที่ขายได้ตลอดทั้งปี ทั้งการขายโดยตรงให้กับผู้บริโภค และส่งขายตามร้านอาหาร ดังนั้นเมื่อสินค้ามีศักยภาพและขายได้ด้วยตัวมันเอง จึงคิดต่อยอดข้าวถุง ติดแบรนด์ของตัวเองอย่างในปัจจุบัน
กรองทิพย์ ธนถาวรลาภ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ข้าวแสนดี จำกัด หรือทายาทธุรกิจรุ่นที่ 2 เข้ามาช่วยดูแลธุรกิจครอบครัว จากผู้เป็นพ่อ นายบุรินทร์ ธนถาวรลาภ เล่าว่า เดิมครอบครัวเปิดร้านขายของชำทั่วไป และข้าวสารก็เป็นสินค้าในอันดับต้นๆ ที่ทำรายได้ให้กับครอบครัว ทำให้คุณพ่อหาความรู้ด้านนี้เพิ่มมากขึ้น โดยเริ่มจากการพูดคุยกับเจ้าของโรงสีข้าวที่ตนเองได้ไปสั่งซื้อข้าวอย่างสม่ำเสมอ ทั้งเรื่องพันธุ์ข้าว ขั้นตอนการปลูก และชนิดของข้าวสาร สุดท้ายจึงหันมาเปิดโรงงานเพื่อขายข้าวสารเพียงอย่างเดียวเมื่อ 29 ปีที่แล้ว
“ในยุคนั้นที่คุณพ่อหันมาจับธุรกิจค้าข้าวอย่างจริงจัง โดยเน้นขายข้าวให้กับร้านอาหาร และวางธุรกิจเป็นศูนย์กลางเพื่อส่งขายข้าวให้กับยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ต่างๆ อีกทอดหนึ่ง จนกระทั่งย้อนไปเมื่อ 19 ปีที่แล้ว มีโมเดอร์เทรดยักษ์ใหญ่ เน้นการขายส่ง อย่างแมคโคร ได้เข้ามาขยายฐานในเมืองไทย ทำให้คุณพ่อคิดใช้ช่องทางดังกล่าว ทำข้าวถุงให้ โดยใช้แบรนด์แมคโคร เนื่องจากมีประสบการณ์ในการบรรจุข้าวถุงกับกับทหารอากาศ สุดท้ายเราก็ได้รับเลือกให้บรรจุข้าวถุงให้กับแมคโคร จนเวลาผ่านไป 2 ปี สินค้าเราขายดี และเรามีความจริงใจให้กับแมคโคร ทางนั้นจึงอนุญาตให้เราทำให้ถุงแบรนด์ข้าวแสนดีเข้ามาจำหน่าย ซึ่งก็ประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน”
จากจุดนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจข้าวถุงภายใต้แบรนด์ “ข้าวแสนดี” ถึงกับลงทุนเปิดโรงงานบรรจุข้าวถุง ซึ่งถือเป็นโรงงานแบบปิดอันดับแรกๆ ของไทย ที่กระบวนการบรรจุ ตั้งแต่ข้าวอยู่ในสายพาน ลงถุง และไปถึงมือผู้บริโภค ข้าวจะสะอาดมาก ไม่มีฝุ่นผง หรือสิ่งสกปรกแปลกปลอม
สำหรับจุดเด่นของข้าวแสนดีที่นอกเหนือจากความสะอาดแล้ว ยังใช้เทคนิคการเอาชนะธรรมชาติ เพื่อทำให้ข้าวคงคุณภาพเดียวกันได้ตลอดทั้งปี เพราะขั้นตอนการปลูกข้าวในแต่ละปี สภาพอากาสที่ไม่แน่นอนทำให้ข้าวมีความที่แตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อผู้บริโภคนำไปหุงในปริมาณเท่าเดิม ใช้ปริมาณเดียวกันทุกครั้ง แต่ข้าวที่หุงได้จะออกมาไม่เหมือนเดิม แต่ทางข้าวแสนดีมีเทคนิคเฉพาะเพื่อคงคุณภาพข้าวให้มีมาตรฐานเดียวกันได้ ซึ่งตรงจุดนี้เองทำให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพของข้าวที่นำไปหุงได้ทุกครั้ง
ด้วยคุณภาพที่คงที่นี้เองทำให้ข้าวแสนดีได้รับความไว้วางใจจากร้านอาหารชั้นนำของไทย อย่าง Sizzler, ภัตตาคารลี คาเฟ่, ภัตตาคารแว่นฟ้า, สุรพลฟู้ดส์ และซั่งไห่ เสี่ยวหลงเปา เป็นต้น ส่วนร้านอาหารจานเดียวต่างๆ ก็นิยมใช้ข้าวเสาไห้ของข้าวแสนดี เพราะเมื่อนำไปหุงเมล็ดข้าวจะนุ่ม ไม่เละ ข้าวเป็นตัว จึงเหมาะกับการนำไปเป็นส่วนหนึ่งของร้านข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ ซึ่งร้านอาหารชื่อดังที่สั่งซื้อข้าวชนิดนี้แบบผูกขาด คือ ข้าวขาหมูบางรัก ตรอกซุง และจส.100 ส่วนร้านอาหารอื่นๆ ได้แก่ ร้านข้าวมันไก่ เม้งเจริญโภชนา (ริมถนนสาธุประดิษฐ์), ร้านอาหารปราสาททอง ย่านนวนคร
“การที่ร้านอาหารต่างๆ ให้ความไว้วางไจ เพราะเราเอาใจใส่ลูกค้าทุกระดับอย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะการเลือกชนิดของข้าวที่ต้องการให้เหมาะสมกับอาหารของร้านตนเองมากที่สุด เช่น ร้านอาหารบางรายต้องการข้าวที่ต้องเก็บไว้นนานถึง 2 ปี ทางเราก็เก็บไว้ให้ ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ถือเป็นจุดเล็กๆ ที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่ได้ให้ความสำคัญ ดังนั้นในเมื่อเราเป็นธุรกิจเอสเอ็มอี การหาช่องว่างในตลาด และการบริการที่สามารถซื้อใจลูกค้าได้ จึงเป็นทางรอดของธุรกิจรายย่อยในยุคนี้” กรองทิพย์ กล่าวทิ้งท้าย
***สนใจติดต่อ 0-2683-7540-49 หรือที่ www.sandeerice.com***