เมื่อธุรกิจที่ทำอยู่เดิม เป็นอันต้องถูกคู่แข่งแย่งชิงตลาดไป ทำให้ต้องดิ้นรนคิดหาทางออกด้วยการสร้างความต่างและจุดขาย ที่ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดเคยทำมาก่อน ซึ่งการพลิกกระบวนการผลิตนั้นจะต้องไม่หนีงานเดิมที่ทำอยู่มากนัก เพื่อดำเนินธุรกิจต่อไปได้ไร้สุญญากาศ เช่น จากเดิมผลิตเครื่องเบญจรงค์ขนาดปกติ ก็เปลี่ยนเป็นของจิ๋ว ซึ่งยังไม่ใครกล้าคิดทำ แต่กับ “บ้านทิพมาศเบญจรงค์” นำร่องทำเบญจรงค์จิ๋ว ซึ่งถือเป็นการเดินมาถูกทาง เพราะเป็นการสร้างความแปลกใหม่ให้เกิดขึ้นกับธุรกิจอย่างไร้คู่แข่ง
ทิพมาศ เอี่ยมโหมด เจ้าของผลิตภัณฑ์เบญจรงค์จิ๋ว แบรนด์ “บ้านทิพมาศเบญจรงค์” เล่าว่า ก่อนที่ตนเองจะทำเบญจรงค์จิ๋วนั้น ได้ทำภาชนะเบญจรงค์ขนาดทั่วไปก่อน ผู้คนส่วนใหญ่นำไปใช้งานได้จริง แต่เมื่อคู่แข่งเริ่มเยอะขึ้น สินค้าขายออกยาก จึงหันมามองของจิ๋ว ที่ตนเองชอบเป็นการส่วนตัว ซึ่งการปรับขนาดจากเบญจรงค์ขนาดใหญ่จะเป็นของจิ๋วนั้น ถือเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก ซึ่งนางทิพมาศ ได้ใช้เวลาฝึกฝนฝีมือ และการทำให้ผลิตภัณฑ์มีความละเอียดเทียบเท่าขนาดปัจจุบัน ใช้เวลานานกว่า 1 ปี
“เมื่อเบญจรงค์ขนาดใหญ่ที่เราเคยทำอยู่คู่แข่งเพิ่มมากขึ้น ลูกค้ามีทางเลือก ส่งผลให้สินค้าขายออกช้า ดังนั้นเพื่อทำให้ธุรกิจอยู่รอดจึงต้องคิดต่าง และทำให้สิ่งที่ยังไม่มีตามท้องตลาด นั่นคือ เบญจรงค์จิ๋ว ซึ่งเราเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียว ที่คิดทำเบญจงรค์จิ๋วขึ้น รวมถึงยังได้รับการคัดสรรให้เป็นสินค้าโอทอประดับ 3 ดาว โดยผลงานชิ้นแรกที่ทำออกมาคือ ชุดเชี่ยนหมาก โถ กาน้ำชา และปิ่นโต ซึ่งการปรับเปลี่ยนจากของขนาดใหญ่ มาเป็นของจิ๋วนั้น ส่งผลระยะเวลาในการผลิต ที่ใช้การปั้นมือทุกชิ้น ยาวนานขึ้น ดังนั้นสินค้าที่ได้จึงมีคุณค่าควรค่าแก่การเก็บรักษา”
เบญจรงค์จิ๋วนั้น ถือว่าเป็นสิ่งของที่ นักสะสม ที่ชื่นชอบของจิ๋ว จะซื้อเก็บไว้เป็นคอลเลคชั่น ทั้งๆ ที่ ราคาเบญจรงค์จิ๋วในแต่ละชุด มีราคาค่อนข้างสูง คือ กาน้ำชาเดี่ยว 150 บาท ชุดเชี่ยนหมาก ขันโตก และชุดน้ำชา ราคา 480 บาท, ปิ่นโต 380 บาท และขันข้าวสำหรับตักบาตร ราคา 650 บาท เป็นต้น ซึ่งถือเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงหากคิดจะซื้อไปเพื่อเก็บสะสมหรือตั้งโชว์ เนื่องจากการนำทองคำเพื่อใช้ตกแต่งลวดลายของเบญจรงค์จิ๋วนั้น ทางบ้านทิพมาศเบญจรงค์ จะใช้ทองคำแท้ ไม่มีการผสมเพื่อลดต้นทุนการผลิต ดังนั้นลูกค้าส่วนใหญ่ จึงเป็นกลุ่มไฮโซ หรือหน่วยงานภาครัฐฯ ที่สั่งซื้อเพื่อให้เป็นของที่ระลึก ในการเดินทาไงปเยี่ยมเยือนบุคลสำคัญของประเทศนั้นๆ เช่น สำนักนายกรัฐมนตรี ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง
สำหรับจุดเด่นของเบญจรงค์จิ๋ว ที่นอกจากการใช้ทองคำแท้แล้ว ยังเน้นที่รายละเอียดของงาน ที่การนำไปใช้งานไม่ต่างจากเบญจรงค์ขนาดปกติ คือ กาน้ำชาสามารถใส่น้ำและเทออกได้จริง ในขณะที่ปิ่นโตก็ แยกออกมาเป็นชั้นๆ ได้ ซึ่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ลูกค้าชื่นชอบในผลิตภัณฑ์ รวมถึงเบญจรงค์จิ๋วของทิพมาศ ยังมีให้เลือกหลายสีด้วย เช่น สีเหลือง ขาว แดง และน้ำเงิน ขึ้นอยู่กับความชอบของลูกค้า
ปัจจุบันบ้านทิพมาศเบญจรงค์ไม่มีหน้าร้าน เน้นนำสินค้าออกบูธ แสดงในงานต่างๆ หรือลูกค้าขาประจำจะมาเลือกซื้อโดยตรงที่บ้าน ย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี แต่ในอนาคตได้มองหน้าร้านไว้ที่เมืองท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก เช่น พัทยา แต่ในกรุงเทพฯ คงจะไม่เปิดหน้าร้านแน่นอน เน้นออกบูธ หรือมาเลือกซื้อสินค้าที่บ้านจะสะดวกกว่า
ส่วนแผนธุรกิจในอนาคตทิพมาศ จะต่อยอดงานเบญจรงค์เป็นสินค้าดีไซน์อื่นๆ โดยเฉพาะงานเครื่องประดับ ที่ยังไม่มีใครกล้านำเอางานเบญจรงค์มาอยู่บนเครื่องประดับ ซึ่งขณะนี้ ทางทิพมาศ ได้เริ่มทำเครื่องประดับเบญจรงค์ออกจำหน่ายบ้างแล้ว เช่น สร้อยข้อมือ แหวน สร้อยคอ และต่างหู ที่ได้มีการนำเครื่องเงินมาใช้ในการขึ้นรูปของเครื่องประดับด้วย จะผลิตออกมาเป็นเซ็ต เพื่อความสะดวกในการนำไปสวมใส่กับเครื่องแต่งกาย ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้าเดิม และลูกค้า ใหม่เป็นอย่างมาก
***สนใจติดต่อ 08-7976-3229***