ก.พาณิชย์ ไม่ยอมแพ้ก.คลัง ฮึดสร้างผลงาน เร่งเครื่องจัดมหกรรมเมดอินไทยแลนด์ ระหว่างวันที่ 8-17 ส.ค.นี้ คุยปีนี้ ยิ่งใหญ่ขึ้นทั้งพื้นที่จัดงาน และผู้ร่วมออกบูท
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า งานแสดงสินค้าเมดอินไทยแลนด์ (Special) ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 8 -17 สิงหาคม 2551 จะเน้นแก้ไขปัญหาค่าครองชีพและลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมเพื่อช่วยผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยงานนี้ คาดจะได้รับความสนใจจากผู้ชมงานทั้งชาวไทยและต่างประเทศชมงานประมาณ 500,000 – 1,000,000 คน และสามารถสร้างเม็ดเงินสะพัดได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปีนี้พื้นที่การจัดงานที่เพิ่มจาก 27,000 ตารางเมตร เป็น 83,500 ตารางเมตร ทั้งอาคารชาเลนเจอร์ 1-3 และอาคาร 3-6 อิมแพ็ค เมืองทองธานี มีออกบูททั้งสิ้นกว่า 4,200 คูหา จากเดิมที่มีเพียง 2,500 คูหา
นายศิริพล กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภายในกระทรวงพาณิชย์ หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้อง ได้มีการนำสินค้าและธุรกิจบริการทุกประเภทฝีมือคนไทยมาจัดแสดงและจำหน่ายปลีก ครอบคลุมทั้งแฟชั่นเสื้อผ้า สิ่งทอ เครื่องหนัง อัญมณี เครื่องประดับ อาหารและเครื่องดื่ม เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ยานยนต์ อะไหล่และอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม สินค้า OTOP ธุรกิจบริการ โรงแรม ท่องเที่ยว โครงการพิเศษ: ธงฟ้าราคาประหยัด ธุรกิจ แฟรนไชส์ รวมถึงโครงการประกันภัยและประกันวินาศภัยอีกด้วย
“ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เข้าร่วมชมงานเมดอินไทยแลนด์ (Special) ในครั้งนี้ จะได้พบกับมหกรรมสินค้าคุณภาพส่งออก หลากหลายประเภท ครอบคลุมทุกความต้องการ ในราคาสุดพิเศษเพื่อลดค่าใช้จ่ายครัวเรือนสวนกระแสวิกฤติค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น พร้อมทั้งสามารถพาครอบครัวมาร่วมสนุกกับกิจกรรมความบันเทิงจากเหล่าศิลปิน ดารา นักร้อง กิจกรรม Mom’s Surprises ในวันแม่แห่งชาติ การประกวดตกแต่งผม การให้คำปรึกษาเรื่องแฟชั่นการแต่งกาย และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน” นายศิริพล กล่าว
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า งานแสดงสินค้าเมดอินไทยแลนด์ (Special) ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 8 -17 สิงหาคม 2551 จะเน้นแก้ไขปัญหาค่าครองชีพและลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมเพื่อช่วยผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยงานนี้ คาดจะได้รับความสนใจจากผู้ชมงานทั้งชาวไทยและต่างประเทศชมงานประมาณ 500,000 – 1,000,000 คน และสามารถสร้างเม็ดเงินสะพัดได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปีนี้พื้นที่การจัดงานที่เพิ่มจาก 27,000 ตารางเมตร เป็น 83,500 ตารางเมตร ทั้งอาคารชาเลนเจอร์ 1-3 และอาคาร 3-6 อิมแพ็ค เมืองทองธานี มีออกบูททั้งสิ้นกว่า 4,200 คูหา จากเดิมที่มีเพียง 2,500 คูหา
นายศิริพล กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภายในกระทรวงพาณิชย์ หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้อง ได้มีการนำสินค้าและธุรกิจบริการทุกประเภทฝีมือคนไทยมาจัดแสดงและจำหน่ายปลีก ครอบคลุมทั้งแฟชั่นเสื้อผ้า สิ่งทอ เครื่องหนัง อัญมณี เครื่องประดับ อาหารและเครื่องดื่ม เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ยานยนต์ อะไหล่และอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม สินค้า OTOP ธุรกิจบริการ โรงแรม ท่องเที่ยว โครงการพิเศษ: ธงฟ้าราคาประหยัด ธุรกิจ แฟรนไชส์ รวมถึงโครงการประกันภัยและประกันวินาศภัยอีกด้วย
“ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เข้าร่วมชมงานเมดอินไทยแลนด์ (Special) ในครั้งนี้ จะได้พบกับมหกรรมสินค้าคุณภาพส่งออก หลากหลายประเภท ครอบคลุมทุกความต้องการ ในราคาสุดพิเศษเพื่อลดค่าใช้จ่ายครัวเรือนสวนกระแสวิกฤติค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น พร้อมทั้งสามารถพาครอบครัวมาร่วมสนุกกับกิจกรรมความบันเทิงจากเหล่าศิลปิน ดารา นักร้อง กิจกรรม Mom’s Surprises ในวันแม่แห่งชาติ การประกวดตกแต่งผม การให้คำปรึกษาเรื่องแฟชั่นการแต่งกาย และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน” นายศิริพล กล่าว
