xs
xsm
sm
md
lg

ชั้นในไฮเทค “นาโน คูล” นวัตกรรมสกัดแบคทีเรีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กางเกงในเด็ก Nano kool
ปัจจุบันนาโนเทคมีบทบาทสำคัญช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มสิ่งทอ ผู้ประกอบการหลายรายนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้ผล อย่างผลิตภัณฑ์ “Nano kool” (นาโน คูล) พลิกวิกฤตเป็นโอกาส สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชั้นในป้องกันแบคทีเรีย และแสงยูวี สำเร็จเป็นรายแรกของไทย
กิตติ โชคไมตรี
กิตติ โชคไมตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิตตี้ ดีไซน์ จำกัด เล่าว่า แรงบันดาลใจบุกเบิกสินค้านี้ เป็นความพยายามปรับตัวให้ธุรกิจอยู่รอดในวิกฤตเงินบาทอ่อนตัว จากที่ทำธุรกิจเสื้อผ้าเด็กส่งออก ตั้งแต่ปี 2538 ตลาดหลักเน้นส่งออก 100% เช่น ยุโรป และอเมริกา ทว่า ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมาเริ่มประสบปัญหาเงินบาทแข็งค่า และวัตถุดิบราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ราคาขายยังคงเท่าเดิม กระทบออร์เดอร์หายไปอย่างมาก จึงหันมาให้ความสนใจพัฒนาสินค้านวัตกรรมโดยเฉพาะเสื้อผ้านาโน ซึ่งเวลานั้น ยังถือเป็นของใหม่สำหรับคนไทย

“ผมพยายามปรับตัว โดยทดลองผลิตสินค้านวัตกรรมโดยใช้เทคโนโลยีนาโนมาพัฒนาผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าต้านแบคทีเรีย ซึ่งเดิมเป็นงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ผมนำมาต่อยอดเชิงพาณิชย์ โดยได้รับการสนับสนุนจาก กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งผมเป็นสมาชิกกลุ่มคลัสเตอร์สิ่งทอเพชรเกษม เพื่อศึกษาอย่างจริงจังว่า กระบวนการที่จะทำให้เสื้อผ้าสามารถป้องกันแบคทีเรียได้ทำอย่างไร?” เจ้าของธุรกิจ เผย

คำตอบที่ได้ คือ การผลิตสิ่งทอให้มีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรียนั้น สามารถทำได้ทุกขั้นตอน ซึ่งต้นทุนจะแตกต่างกัน เช่น ถ้าเริ่มตั้งแต่กระบวนการปั่นเส้นใย ต้นทุนจะสูงมาก หากทำตั้งแต่ขั้นตอนนี้ในเชิงพาณิชย์ถือว่าค่อนข้างเสี่ยง เพราะถ้าผลิตจำนวนมาก แต่ขายไม่ได้ นั่นหมายถึงต้องแบกต้นทุนมหาศาล ดังนั้น เลือกทำกระบวนการฟอกย้อมตกแต่งสำเร็จ เป็นกระบวนการที่ได้ประสิทธิภาพดีเหมาะทำในเชิงพาณิชย์ ในขณะที่ต้นทุนไม่สูงมากเกินไป ซึ่งกว่าจะสำเร็จ ใช้เวลาวิจัยพัฒนากว่า 1 ปี 2 เดือน โดยใช้งบประมาณเกือบล้านบาท

สำหรับสารที่ใช้ คือ Nano Zinc Oxide มีคุณสมบัติทั้งป้องกันแบคทีเรียได้ทุกช่วงเวลา ขณะเดียวกันก็มีคุณสมบัติช่วยป้องกันรังสียูวีได้ด้วย อีกทั้ง สามารถใช้กับเส้นใยทุกประเภท โดยจะสกัดสารดังกล่าวให้เล็กอยู่ในระดับ 20-40 นาโนเมตร แล้วนำมาเคลือบในระดับเส้นใย ทำให้เกาะติดอยู่บนเนื้อผ้าได้นานขึ้น จากการส่งทดสอบประสิทธิภาพในการต้านเชื้อจุลินทรีย์ ที่ศูนย์นาโนเทคแห่งชาติ คือ สามารถป้องกันแบคทีเรียได้ในระดับสูงถึง 99.95% ป้องกันรังสียูวี ได้ +50 ซึ่งเป็นระดับยอดเยี่ยม มีอายุการใช้งานซักน้ำ 100 ครั้งขึ้นไป นอกจากนั้น การทดสอบยืนยันว่า ไม่ทำให้ผู้บริโภคเกิดอาการแพ้

กิตติ เผยว่า “Nano kool” คือ ผู้ผลิตรายแรกในประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จในการนำคุณสมบัติดังกล่าวมาใช้ในสิ่งทอ โดยเลือกผลิตเป็นชุดรองในต่างๆ เช่น เสื้อรองใน กางเกงใน เป็นต้น เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้ ใกล้ชิดกับผู้สวมใส่มากที่สุด เดิมในวันอากาศร้อน เมื่อใส่นานๆ จะเกิดอาการคัน เพราะแบคทีเรียไปทำปฏิกิริยากับเหงื่อ ก่อให้เกิดโรคผิวหนังตามมา แต่คุณสมบัติป้องกันแบคทีเรียของสาร Nano Zinc Oxide ช่วยขจัดปัญหาเหล่านี้ออกไป

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ Nano kool เริ่มเปิดตัวประมาณเดือนเมษายนที่ผ่านมา เน้นสำหรับกลุ่มเด็ก เพื่อต้อนรับเปิดเทอม เช่น เสื้อรองใน และ กางเกงชั้นในสำหรับเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย วัย 4-12 ขวบ มีช่องทางจัดจำหน่าย ได้แก่ หน้าร้านที่ศูนย์บริการส่งออกโบ้เบ้ แค็ตตาล็อกซื้อขายสินค้า และออกงานแสดงสินค้าต่างๆ ราคาขายปลีก เสื้อเด็กผู้หญิงราคา 79 บาท เสื้อเด็กผู้ชายราคา 89 บาท และกางเกงชั้นใน 49 บาท

“คนไทยส่วนใหญ่จะคิดว่า เสื้อนาโนมีแค่เสื้อเหลืองกันน้ำเท่านั้น ไม่เชื่อว่า จะช่วยป้องกันแบคทีเรียได้จริง ซึ่งเป็นปัญหาของผมในช่วงแรกต้องพยายามออกงานแฟร์แนะนำสินค้า เพื่อให้ลูกค้าลองใช้ และเห็นว่า แม้จะแพงกว่าสินค้าท้องตลาด แต่มีคุณสมบัติพิเศษคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ซึ่งผลตอบรับในปัจจุบันถือว่าน่าพอใจ ช่วยให้ผมเปิดตลาดในประเทศได้” กิตติ ระบุ
เสื้อรองในผู้ใหญ่ เตรียมออกตลาดเร็วๆ นี้
แผนการตลาดต่อไป เร็วๆ นี้ จะออกผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ใหญ่ ทั้งเสื้อรองใน เสื้อกล้าม เสื้อสำหรับนักท่องเที่ยวเชิงผจญภัย เสื้อรองในสำหรับทหาร และกางเกงใน เป็นต้น วางจำหน่ายตามห้างโมเดิร์นเทรดทั่วไป นอกจากนั้น เตรียมขยายลูกค้ากลุ่มสุภาพสตรี เช่น ชุดสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ชุดชั้นใน กางเกงชั้นใน เสื้อกล้าม เสื้อสายเดี่ยว สำหรับผู้หญิง ซึ่งต้านแบคทีเรีย และเพิ่มกลิ่นหอมจากสมุนไพร

สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ Nano kool จะเน้นกลุ่มผู้ใส่ใจสุขภาพในประเทศ และเนื่องจากเติบโตมาจากธุรกิจส่งออก แม้จะประสบปัญหาเงินบาทแข็งค่า แต่เจ้าของธุรกิจยังมีความหวังจะกลับเข้าไปตีตลาดต่างประเทศ ด้วยสินค้านวัตกรรมที่มุ่งพัฒนาขึ้น

“ในแง่ของธุรกิจส่งออกเสื้อผ้าเด็กเราคงต้องลดระดับไปเรื่อยๆ จนหยุดสายการผลิตไปในที่สุด เพราะแนวโน้มมันอยู่ไม่ได้ โอกาสที่จะเข้าไปเจาะตลาดเหมือนเดิมก็คงยาก แต่ผมจะพัฒนาสินค้านวัตกรรมให้มีคุณภาพ และก็จะนำกลับเข้าไปเจาะตลาดต่างประเทศอีกครั้ง แต่ทั้งนี้ก็คงต้องอยู่พื้นฐานที่เข้มแข็งคือทำตลาดในประเทศโตและเข้มแข็งก่อน ซึ่งคิดว่าแนวโน้มในอนาคตสินค้านวัตกรรมในบ้านเราน่าจะไปได้ดี โดยเฉพาะตลาดกลางขึ้นไป” กิตติ กล่าว

************************

โทร. 08-6327-7730
กำลังโหลดความคิดเห็น