ถึงเทศกาลสงกรานต์ หลายคนยังไม่ลืมขนบธรรมเนียมอย่างการไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือตามธรรมเนียมสืบทอดกันมาช้านาน รวมถึงโอกาสนี้ชาวไทยยังนิยมเข้าวัด กราบบูชาพระเพื่อเป็นสิริมงคล โดยการกราบไหว้สิ่งหนึ่งที่จะขาดไม่ได้ คือ ธูปหอม
แม้ว่าผลิตภัณฑ์ธูปหอมจะมีหลากหลายยี่ห้อ แต่ถ้าเป็นธูปหอมที่นิยมใช้ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ของคนไทย ชื่อ “ธูปหอมนพมาศ” จะถูกนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ ด้วยจุดเด่นกลิ่นหอมแบบไทยเดิม ตามสูตรต้นฉบับชาววังแท้ๆ ถึงเวลาจะผ่านมานานแล้ว ด้วยคุณภาพสินค้าที่คงรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมอย่างเหนียวแน่น ส่งให้ธูปหอมยี่ห้อนี้ ครองใจผู้บริโภคมายาวนานกว่า 55 ปี
แม้ว่าใบหน้าแฉล้มที่ปรากฎอยู่บนฉลากสินค้าของผลิตภัณฑ์ธูปหอมนพมาศจะยังอ่อนวัย แต่ในความเป็นจริง “สุรีย์พร โรหิตโตปการ” เจ้าของภาพดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ที่ริเริ่มกิจการธูปหอมนพมาศด้วย วัยได้ล่วงเลยเข้าปีที่ 74 แล้ว
สุรีย์พร ย้อนความทรงจำให้ฟังว่า แท้จริงแล้ว ผู้ก่อตั้งธุรกิจนี้ คือ “นางภักดี บุนนาค” แม่ของเธอนั่นเอง ซึ่งมีโอกาสได้เข้าไปคลุกคลีกับการทำเครื่องร่ำไทยในพระราชสำนัก ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย รวมถึงได้ถ่ายทอดภูมิปัญญานี้มาสู่ลูกๆ ด้วย
“ในสมัยก่อนหลังจากที่ดิฉันได้รับการถ่ายทอด และเห็นกรรมวิธีการทำเครื่องร่ำตำรับชาววังแล้ว โดยในช่วงนั้นยังไม่ได้สนใจนัก เนื่องจากยังเด็ก แต่เมื่อได้เข้าศึกษาในระดับประถมที่โรงเรียนซานตาครูสคอนแวนส์ มีจัดงานคริสมาสต์ขึ้น นักเรียนทุกคนต้องจัดหาของขวัญมาร่วมงาน ดิฉันจึงได้ทำแป้งดินสอพองขึ้น จากกรรมวิธีแบบดั้งเดิม ด้วยการกรอง 3 ครั้งทำให้ไม่มีสิ่งสกปรกเจือปน จากนั้นก็นำมาหยอดทีละเม็ดด้วยกรวยใบตองพร้อมทั้งอบเทียนหอมที่ทำตามสูตรเฉพาะนาน 1 สัปดาห์ และเมื่อได้นำไปให้ครูได้ทดลองใช้เพื่อแก้สิว ฝ้า กระ เป็นที่ติดอกติดใจ จนกระทั่งมีการสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก” สุรีย์พร เผย
และนั่นเองจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินธุรกิจด้วยสูตรแป้งร่ำตำรับชาววัง ด้วยการผลิตและนำไปจำหน่ายตลาดนัดวันเสาร์-อาทิตย์ ที่วังสราญรมย์กับผู้เป็นแม่ โดยขายแต่ดินสอพองใส่กระดาษแก้ว ในชื่อ “นพมาศ” เนื่องจากสุรีย์พร มีดีกรีเคยเป็นอดีตรองนางนพมาศประจำเขตธนบุรี ซึ่งก็ขายดีมาก ทั้งๆ ที่เจ้าอื่นขายในราคาเพียง 0.10 บาท แต่ผลิตภัณฑ์ “นพมาศ” ขายราคาสูงกว่าถึง 0.50 บาท เนื่องจากการเลือกใช้วัตถุดิบ และมีกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงสาเหตุที่ลูกค้าเลือกใช้เพราะเป็นสูตรตำรับชาววัง ที่ชาวบ้านไม่สามารถทำเลียนแบบได้
อย่างไรก็ตาม ต่อมาเมื่อตลาดนัดวังสราญรมย์ ถูกทางการสั่งยกเลิก สุรีย์พร จึงเริ่มมองหาผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อเติมเข้ามา โดยได้ไปเห็นคนจีนทำธูปมือ แต่กลิ่นที่ได้จะออกเป็นแบบจีนมากกว่า ดังนั้นเมื่ออยู่ในวงการเครื่องหอมตำรับชาววังแล้ว จึงคิดผลิตธูปหอมขึ้นมาบ้าง เนื่องจากเห็นศักยภาพทางการตลาดที่เป็นสินค้าใช้ได้ทั้งปี ส่วนสินค้าจำพวกแป้งร่ำ น้ำอบ น้ำปรุง ยอดขายก็ลดลงบ้าง เนื่องจากมีสินค้าตัวอื่นเข้ามาทดแทน ซึ่งการผลิตธูปหอมแทนนั้น สุรีย์พร ก็ยังไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นผลิตภัณฑ์จากชาววัง โดยใช้วัตถุดิบแบบโบราณ ทำให้ได้ธูปที่มีกลิ่นหอมไม่เหมือนใคร โดยในช่วงแรกทำตลาดเองทั้งหมด ด้วยการนำธูปไปส่งขายตามร้านสังฆภัณฑ์ ร้านดอกไม้ ตระเวนไปตามย่านฝั่งธนบุรี บางรัก บางลำพู บางโพ และบางซื่อ
หลังจากธุรกิจธูปหอมนพมาศประสบความสำเร็จด้วยดี สุรีย์พรจึงคิดแตกแบรนด์สินค้าตามความเชื่อของกระแสสังคม และการนำไปใช้งานที่แตกต่างกันของลูกค้า เช่น แบรนด์ “นพลาภ” เกิดจากในช่วงนั้นลูกค้านิยมซื้อธูปที่มีตราสินค้าเป็นมงคล ตามความเชื่อว่าจะทำให้ค้าขายดี และมีชีวิตที่ดีขึ้น
นอกจากนั้น ยังมีแบรนด์ “3 เซียน” เป็นธูปจีนสั้น และธูป “จอมสุรางค์” เป็นธูปสีขาวสำหรับใช้ในโรงเจ ไม่ใส่น้ำหอมอาศัยกลิ่นหอมตามธรรมชาติ รวมถึงยังมีการสั่งทำธูปตามความยาวและขนาดที่ลูกค้าต้องการด้วย เช่น ธูปไต้หวันยาว 15 นิ้ว เป็นต้น อีกทั้ง ยังผลิตสินค้าประเภทเครื่องหอมอย่างน้ำอบ แป้งร่ำ และดินสอพอง ภายใต้ชื่อ “นพมาศ” ด้วย ซึ่งทั้งหมดล้วนคงเอกลักษณ์สูตรชาววังไว้เช่นเดิม
ด้วยวัยที่ล่วงเลยมาจนถึง 74 ปี ของสุรีย์พร ถือเป็นยุคที่ต้องวางมือจากธุรกิจนี้ เพื่อเปิดทางให้รุ่นลูกอย่าง “สุทธนีย์ ภู่พันธ์ศรี” ลูกสาวคนโตเข้ามาสานต่อกิจการ ซึ่งได้พัฒนาธุรกิจให้มีความทันสมัย และเข้าระบบมาตรฐานยิ่งขึ้น โดยฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มากมาย ทั้งในเรื่องของภาษี การทำบัญชี และการเปิดตลาดใหม่ ในห้างสรรพสินค้า และดิสเคาน์สโตร์ขนาดใหญ่ต่างๆ รวมถึง ร้านสะดวกซื้อเจ้าดังทุกสาขา โดยสินค้าที่ขายดี คือ ธูปหอม ประมาณ 90% รองลงมาคือ น้ำอบไทย แป้งร่ำ น้ำปรุง และดินสอพอง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะถือเป็นไฮ ซีซั่น
ปัจจุบันธูปหอมนพมาศ ได้แตกไลน์สินค้าเป็นธูปอโรมา มีทั้งหมด 40 กลิ่น 25 สี เน้นตลาดส่งออก และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยล่าสุดได้ส่งขายที่ร้าน King Power สนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนการทำตลาดในไทย จะเป็นการออกบูทตามงานแสดงสินค้าระดับประเทศ เช่น งานแสดงสินค้าของขวัญและของใช้ในบ้าน(BIG&BIH) ของกระทรวงพาณิชย์ที่จัดขึ้นเป็นประจำปีละ 2 ครั้ง
“สิ่งสำคัญที่ธูปหอมนพมาศ ได้ยึดปฏิบัติมาเป็นเวลานาน คือ การคงคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก รวมถึง วัตถุดิบที่คัดสรรมาก็ยังคงความเป็นตำรับชาววังไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ทำให้ลูกค้าไม่ทอดทิ้งสินค้าคุณภาพอย่างธูปหอมนพมาศ และนี่เองคงจะเป็นจุดขายหนึ่งให้ธุรกิจดำรงมาถึงปัจจุบัน อายุมากกว่า 50 ปีแล้ว” สุรีย์พร กล่าวทิ้งท้าย
***โทร.0-2514-2607, 0-2935-5168***