ชีวิตของผู้คนในยามนี้ดูเหมือนว่า ต้องดิ้นขวนขวายแข่งกับเวลา ดังนั้นอะไรที่สามารถสนองตอบต่อความรวดเร็วทันใจได้ มักจะได้รับความนิยม ดังเช่นนักธุรกิจหนุ่มที่ต่อยอดทางความคิด ประยุกต์สินค้าภายในแบรนด์ไทยอย่าง 3-Top เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้มีไลฟ์สไตล์ที่ชอบความรวดเร็วทันใจ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย
นายสมชัย ไกรลาสสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีดเดอร์ ควอลิตี้ โปรดักส์ จำกัด เล่าว่า ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถสนองตอบต่อชีวิตของคนในยุคดิจิตอลได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะประเภทตระกูลอัจฉริยะทั้งหลาย อย่างโทรศัพท์มือถือ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญมากต่อผู้คนในยุคนี้ ลืม
อะไรลืมได้ แต่ถ้าหากลืมโทรศัพท์ดูเหมือนว่าชีวิตขาดความมั่นใจ สำหรับในเมืองไทยมีการใช้เบอร์โทรศัพท์ถึงประมาณ 20 ล้านเลขหมาย โทรศัพท์มือถือได้มีการพัฒนาระบบ เครือข่าย และฟังก์ชั่นแปลก ๆ ใหม่ ๆ มากมาย ทั้งที่มีเป้าหมายคล้ายกันคือ ช่วยประหยัดเวลาและช่วยอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน
ทั้งนี้ การก้าวเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโทรศัพท์มือถือ ปัจจุบันคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ได้ผลิตทุกอย่างออกมาตอบสนองความต้องการของลูกค้าแทบจะครอบคลุมทุกอย่างเอาไว้แล้ว หรือถ้าจะให้ผลิตโทรศัพท์มือถือยิ่งเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะเราคงไม่สามารถไปผลิตแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่ได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักประดิษฐ์คนไทยแล้วไม่มีอะไรจะมาหยุดยั้งเส้นทางการสร้างธุรกิจได้ ทำให้วันนี้ เราได้เห็นการต่อยอดทางความคิดด้วยการประดิษฐ์ 3-Top ตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถืออัจฉริยะ ซึ่งคุณสมชัยมีประสบการณ์จากการทำงานอยู่บริษัทมือถือหลายแห่ง และนำประสบการณ์ที่ได้จากที่นั่นมาต่อยอดเพื่อทำธุรกิจของตนเอง
โดยเน้นดีไซน์สีสันสดใส เพื่อเอาใจวัยรุ่น เพราะเชื่อว่าวัยรุ่นปัจจุบันมีการใช้โทรศัพท์กันมาก เครื่องดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ใช้ ไม่ต้องวุ่นวายกับการต้องออกไปซื้อบัตรเติมเงิน เพียงแค่ใช้เครื่องนี้ซึ่งอาจติดตั้งอยู่บริเวณใกล้ที่พักอาศัยจะช่วยให้การใช้โทรศัพท์มือถือที่เงินหมดได้มีการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง ไม่ขาดตอนและรวดเร็วทันใจ แถมยังช่วยประหยัดเวลา
ผู้บริหารลีดเดอร์ ฯ กล่าวว่า สิ่งประดิษฐ์อัจฉริยะที่ตนเองคิดต่อยอดนี้ ทำให้ดูกะทัดรัดมีสีสันสดใสน่าสัมผัส โดยเฉพาะพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่จะชอบอะไรแบบนี้มาก อีกทั้งเหรียญที่หยอดใช้ได้ทั้งเหรียญ 1 บาท 5 บาท และ 10 บาท แล้วเลือกเติมเงินได้ตั้งแต่ขั้นต่ำ 10 บาท และสูงสุดถึง 200 บาท ตามความพอเพียงของผู้ใช้ ที่สำคัญมีระบบคืนเหรียญให้ 100 เปอร์เซ็นต์
จุดแตกต่างจากรายอื่นที่ไม่คืนเหรียญให้ มีระบบล็อค 3 ชั้น ป้องกันการถูกโจรกรรม แล้วเป็นที่น่าดีใจคือ การได้รับสิทธิ์ในการทำธุรกิจจากเจ้าของเครือข่ายทุกระบบ ไม่ว่า 1-2-call Happy และ True move จึงให้ได้รับความนิยมของผู้คนทั่วไป สิ่งประดิษฐ์ชนิดนี้ทุกคนสามารถซื้อไปติดตั้งเพื่อการค้า หารายได้เสริมอีกทางหนึ่ง
ในส่วนแผนการตลาด ปัจจุบันติดตั้งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมทั้งหมดประมาณ 100 กว่าแห่ง อาทิ มสว.ประสานมิตร โรงงานพานาโซนิค โรงเรียนวัดไร่ขิง จังนครปฐม โรงเรียนสินสมุทร จังหวัดชลบุรี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา วิทยาลัยเทคนิค จังหวัดภูเก็ต ตลาดเมืองใหญ่ จังหวัดเชียงใหม่
รวมทั้งติดตั้งตามหน้าร้านมินิมาร์ทและคอนโด เป็นต้น
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจผลิตภัณฑ์ตู้เติมเงินมือถือต้องงบประมาณในการลงทุน ราคาตู้เติมเงิน ตู้ละ 49,000 บาท พร้อมการเติมเงินเข้าครั้งแรก ระบบละ 1,000 บาท รวม 3 ระบบ 3,000 บาท สำหรับการเติมเงิน สามารถทำได้ 2 วิธี คือ การเติมเงินทาง CALL CENTER และเติมเงินเองทางตู้เอทีเอ็ม หรือ จุดบริการอื่นๆ โดยผู้ประกอบการจะมีรายได้มาจาก 1.ส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทแม่ของแต่ละเครือข่าย วัน-ทู-คอล! และแฮปปี้ ดีแทค 3.5% ส่วนทรูมูฟ 8% 2.รายได้จากค่าบริการใช้ตู้เติมเงินครั้งละประมาณ 3 บาท
ส่วนปริมาณการสำหรับรายได้และผลกำไร ขึ้นอยู่กับทำเล ยกตัวอย่าง ถ้ามีลูกค้าใช้บริการเพียงวันละ 40-50 คน จะมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 300 บาทต่อวัน โดยคาดว่าผู้ประกอบการจะสามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลา 5-6 เดือน
“คนไทยมีความคิดสร้างสรรค์มากมาย สามารถประดิษฐ์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ อยากให้กำลังใจและกระตุ้นความอัจริยะของคนไทยให้ทำอะไรออกมาอย่างเป็นรูปธรรม หากทำอะไรขอให้รักจริง ทำจริง รู้จริง และอย่าชักช้าที่จะลงมือทำ เพราะถ้าเราหยุดก็มีคนอื่นๆ ก้าวล้ำหน้าเราไปอีก
มากมาย อย่างตัวเองเมื่อคิดจะเป็นนักธุรกิจก็ต่อก้าวให้ทันตามโลกและทำงานอย่างเชิงรุก เพื่อความสำเร็จในอนาคต” นายสมชัยกล่าวในท้ายที่สุด
สนใจสอบถามโทร. 0-2652-8547