กรมทรัพย์สินฯ เตรียมชงเรื่องฟื้นโครงการแปลงทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทุน ชี้ที่ผ่านมา ช่วยผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งทุนกว่า 100 ราย ปล่อยกู้ไปแล้วกว่า 75 ลบ. และมียอดค้างรออนุมัติอีกเกือบ 100 ลบ. ระบุเตรียมหารือแบงก์ออมสินกลับมาร่วมโครงการอีกครั้งด้วย
นางพวงรัตน์ อัศวพิศิษฐ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา เตรียมจะนำนโยบายเกี่ยวกับการแปลงทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทุนกลับมาดำเนินการอีกครั้ง เนื่องจากรัฐบาลมีแนวทางนำเรื่องดังกล่าวกลับมาดำเนินการใหม่ แม้ก่อนหน้านี้จะถูกมองว่าไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ แต่เท่าที่ติดตามผลการดำเนินงาน ทำให้ประชาชนมีสิทธิบัตรและนำไปกู้เงินกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการได้ รวมทั้งสามารถพัฒนาต่อยอดสิทธิบัตรตัวเองในเชิงพาณิชย์แล้วหลายราย ซึ่งตลอดการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2547 สถาบันการเงินสามารถปล่อยเงินกู้ให้ผู้เข้าร่วมโครงการไปแล้ว 102 ราย คิดเป็นวงเงินรวมกว่า 75 ล้านบาท และมียอดค้างอนุมัติเกือบ 100 ราย
อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวต่อว่า หากสามารถดำเนินการต่อได้ เชื่อจะทำให้ผู้มีสิทธิบัตรสามารถกู้เงินไปดำเนินธุรกิจจากการแปลงทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทุนได้จำนวนมาก ซึ่งกรมฯ จะหารือกับธนาคารออมสิน ที่ก่อนหน้านี้ประกาศถอนตัวจากโครงการ เนื่องจากธนาคารมีหลายโครงการ ทำให้อาจเกิดความสับสน และเชื่อว่าธนาคารออมสินคงไม่มีปัญหาในการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวอีกครั้ง
นางพวงรัตน์ อัศวพิศิษฐ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา เตรียมจะนำนโยบายเกี่ยวกับการแปลงทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทุนกลับมาดำเนินการอีกครั้ง เนื่องจากรัฐบาลมีแนวทางนำเรื่องดังกล่าวกลับมาดำเนินการใหม่ แม้ก่อนหน้านี้จะถูกมองว่าไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ แต่เท่าที่ติดตามผลการดำเนินงาน ทำให้ประชาชนมีสิทธิบัตรและนำไปกู้เงินกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการได้ รวมทั้งสามารถพัฒนาต่อยอดสิทธิบัตรตัวเองในเชิงพาณิชย์แล้วหลายราย ซึ่งตลอดการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2547 สถาบันการเงินสามารถปล่อยเงินกู้ให้ผู้เข้าร่วมโครงการไปแล้ว 102 ราย คิดเป็นวงเงินรวมกว่า 75 ล้านบาท และมียอดค้างอนุมัติเกือบ 100 ราย
อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวต่อว่า หากสามารถดำเนินการต่อได้ เชื่อจะทำให้ผู้มีสิทธิบัตรสามารถกู้เงินไปดำเนินธุรกิจจากการแปลงทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทุนได้จำนวนมาก ซึ่งกรมฯ จะหารือกับธนาคารออมสิน ที่ก่อนหน้านี้ประกาศถอนตัวจากโครงการ เนื่องจากธนาคารมีหลายโครงการ ทำให้อาจเกิดความสับสน และเชื่อว่าธนาคารออมสินคงไม่มีปัญหาในการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวอีกครั้ง