ตลาดบนอินเตอร์เน็ตหรือ “ตลาดออนไลน์” ที่เปิดให้คนเข้าไปซื้อขายสินค้า เป็นอะไรที่พูดกันในเมืองไทยมานานแล้ว
พูดกันว่า นี่คือธุรกิจแห่งโลกยุคใหม่ที่เป็นอนาคต สามารถขยายตัวได้อย่างไม่มีขอบเขต
เมื่อพูดถึงตลาดออนไลน์ เว็บไซต์ www.ebay.com ถือเป็นตลาดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด น่าเชื่อถือที่สุด และมีคนเข้าไปเสนอซื้อ เสนอขายสินค้ามากที่สุดในโลก
ebay ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2538 ในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีสมาชิกที่เข้ามาทำธุรกรรมบน ebay สูงถึง 248 ล้านคน ซึ่งในไตรมาส 3/2550 ebay มีรายได้สุทธิสูงถึง 1,320 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปี 2549 ถึงร้อยละ 26 โดยเป็นรายได้จากการดำเนินธุรกิจในสหรัฐอเมริกา คิดเป็นร้อยละ 49 และรายได้จากกลุ่มธุรกิจระหว่างประเทศร้อยละ 51
และในไตรมาส เดียวกันนี้ ใน ebay มีการเสนอขายสินค้าใหม่รวมทั้งสิ้น 556 ล้านรายการ หรือมีสินค้านำเสนอขายบน ebay เฉลี่ย 102 ล้านรายการในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งตลอดไตรมาสดังกล่าว และในแต่ละวันก็จะมีสินค้าใหม่ที่ได้รับการเสนอขายเข้ามาเฉลี่ย 6 ล้านรายการ ในมากกว่า 50,000 หมวดสินค้า
รวมถึงทุกๆ วินาทีจะมีการซื้อขายสินค้าบน ebay จากสมาชิกทั่วโลก คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1,812 เหรียญสหรัฐฯ จากจำนวนร้านค้าที่มีอยู่ประมาณ 520,000 แห่งทั่วโลก ซึ่งประมาณร้อยละ 46 อยู่บนเว็บไซต์ ebay ในประเทศต่างๆทั่วโลก
ทั้งหมดนี้เป็นภาพรวมที่แสดงให้เห็นว่า ebay คือตลาดออนไลน์ไซส์ XXL ที่ทุกๆคนสามารถเข้าไปหาประโยชน์ได้อย่างเต็มที่จากการค้าขายสินค้า เพียงแค่คุณลองเปิดโอกาสเข้าไปทำความเข้าใจกับมันเท่านั้นเอง
ในเมืองไทยเอง ยังไม่เคยมีการรวบรวมข้อมูลอย่างชัดเจนว่า มีคนไทยเข้าไปเป็นผู้เล่นในตลาดออนไลน์ ebay มากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆมีคนไทยจำนวนหนึ่งสามารถอยู่ได้เลยด้วยการเข้าไปเป็นผู้เล่นใน ebay เพียงแต่ไม่ค่อยเปิดเผยตัวกันนัก
นี่คือ ที่มาที่เลือกเอาเรื่องของ ebay มาเป็นกรณีศึกษาจากแหล่งข่าวที่จะมาเล่าประสบการณ์จริงและความสำเร็จเบื้องต้นในการทำธุรกรรมทางการค้าบน ebay ซึ่งเขาและเพื่อนอีก 1 คนได้ผันชีวิตจากการเป็นพนักงานกินเงินเดือนประจำมายึดอาชีพพ่อค้าบนโลกตลาดออนไลน์ ด้วยค่าตอบแทนที่สูงกว่าแสนบาทต่อเดือน
***ebay เริ่มง่ายๆ ด้วยการซื้อ***
แหล่งข่าวคนนี้เป็นเด็กหนุ่มวัยเลยเบญจเพศไปไม่กี่ปี เริ่มต้นเล่าด้วยสไตล์เมามันแบบฉบับรุ่นใหม่มาแรง พ.ศ.นี้ว่า เขาและเพื่อนเริ่มรู้จัก ebay จากเพื่อนของน้องสาวซึ่งเล่น ebay อยู่ก่อนแล้ว เขาก็เลยลองสอบถามดูว่าเจ้า ebay นี้มันเล่นอย่างไร แล้วก็ทำอะไรได้บ้าง
เพื่อนของน้องสาวบอกว่า คนที่จะเข้าไปเล่นใน ebay ได้นั้น อันดับแรกจะต้องเข้าไปสมัครเพื่อขอมีรหัสประจำตัวหรือ ID ในเว็บไซต์นี้ก่อน จึงจะสามารถเข้าไปใช้บริการต่างๆ ได้ และถ้าคุณจะซื้อหรือขายสินค้าผ่าน ebay นี้ที่สำคัญคือคุณจะต้องมีบัตรเครดิตด้วย เพื่อใช้เป็นช่องทางในการชำระเงินระหว่างกัน
“ตอนแรกผมก็เข้าไปในสถานะของผู้ซื้อก่อน ดูโน่น ดูนี่ ว่าในนี้มันมีสินค้าอะไรบ้าง มันมีของแปลกๆจากทั่วโลกด้วยนะ แล้วก็ราคาถูกอีกด้วย เอาล่ะสิ ผมก็เริ่มสนใจ เพราะถ้าหากเราจะซื้อรองเท้าสักคู่ที่เป็นแบรนด์เนมในเมืองนอก กับรองเท้าสักคู่ที่เป็นแบรนด์เนมในเมืองไทย ราคามันจะต่างกันเลยนะ ถูกกว่าในไทยอีก ผมก็จินตนาการต่อไปเลยว่า ถ้าอย่างนั้นมันจะต้องมีสินค้าอื่นๆที่ราคาถูกอยู่อีกเพียบในอีเบย์นี้แน่ๆ”
หลังจากที่แหล่งข่าวคนนี้ได้ลองเข้าไปโลดแล่นใน ebay จนเริ่มคุ้นเคยแล้ว เขากับเพื่อนก็คิดว่าน่าจะหาประโยชน์อะไรจากเว็บนี้กลับมาบ้าง แทนที่จะซื้อของอย่างเดียว เพราะเขาเห็นว่ามันเป็นเว็บไซต์ที่ขายของได้ด้วย
ด้วยรสนิยมของเขาและเพื่อนที่ก็พอจะมีรสนิยมในเรื่องชอบของเก่าเหมือนกันบ้าง เขาก็เลยคิดว่าถ้าหาสินค้าจำพวกนี้มาขายต่อในเมืองไทย ก็น่าจะได้กำไรอยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อ 2 ปีที่แล้วค่าเงินยังอยู่ที่ประมาณ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วเขาก็มีความรู้ในเรื่องของกล้องโบราณ อย่างเช่น กล้อง Leica
“ผมยอมลงทุนเยอะหน่อยแต่ว่าราคาไม่สูงนัก กล้องเก่าๆนี่ซื้อกันบางทีร้อยกว่าเหรียญถือว่าแพงมากแล้วนะ ของที่เราซื้อเข้ามาแต่ละอย่างจะเป็นพวกของโบราณมีทั้งของเล่น ทั้งกล้อง แล้วก็เอามาขายให้กับร้านขายของเก่าแถวๆสวนจตุจักรและร้านขายของเก่าในห้างฟอร์จูน ”
เห็นความกล้าได้กล้าเสียในการยอมลงทุนซื้อของที่มีราคามาขายอย่างนี้แล้ว SMEs Today จึงถามกลับไปว่า ตอนที่เขาตัดสินใจซื้อแล้วเอาไปขายต่อ มีความมั่นใจแค่ไหนกับการต้องแลกด้วยการให้หมายเลขบัตรเครดิต โอนเงินไปแล้วจะได้ของมาหรือเปล่า แล้วจะโดนโกงหรือไม่
เขาก็ตอบกลับมาว่า “ในขณะที่ผมเริ่มซื้อของเก่าเข้ามา ผมก็ซื้อหนังสือ รวยด้วยอีเบย์ มาอ่านด้วย ผมจำไม่ได้แล้วว่าใครเขียน ซึ่งเขาจะบอกวิธีเล่น วิธีสังเกตง่ายๆเกี่ยวกับการเลือกซื้อของกับผู้ขาย ในหนังสือบอกไว้ว่าอย่างแรกที่เราจะต้องดูคือ feedback ของผู้ขาย คนที่เล่นอีเบย์เขาจะรู้ว่า เมื่อเปิดจอมาปั๊บ อย่างน้อยคุณจะต้องรู้แล้วนะ จะไปสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปซื้อของไม่ได้ คุณต้องศึกษามาพอสมควร คือในระดับหนึ่ง ผมใช้คำว่าระดับหนึ่งก็พอ ไม่ต้องมากมาย คือต้องรู้ว่าหน้าจอปฏิบัติงานของอีเบย์ ระดับคนที่ใช้ที่เป็นคนซื้อนั้น คุณต้องรู้ด้วยว่าสัญลักษณ์ที่ปรากฎอยู่มันคืออะไร
ส่วนใหญ่คนที่จะเข้ามาซื้อของในอีเบย์เขาจะมีเป้าหมายในใจแล้วว่าเขาจะซื้ออะไร ง่ายๆ เพราะในอีเบย์มันมีทุกอย่าง ผมใช้คำว่ามีทุกอย่างเลยนะครับ ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ ที่ผมใช้คำเปรียบเทียบเนี่ยมันมีจริงๆนะครับ คือในหน้าจอ ในระบบมันจะขึ้นเมนูลักษณะคล้ายๆแคตตาล็อก จะจัดเรียงสินค้าเป็นหมวดหมู่ เราก็คลิกเข้าไปเรื่อยๆซึ่งมันก็จะมีรายละเอียดของสินค้าตัวนั้นที่เราต้องการจะดู”
***ซื้อ-ขาย ปลอดภัยเพราะมีระบบตรวจสอบ***
แหล่งข่าวบอกต่ออีกว่า ในเรื่องของความปลอดภัยในการซื้อสินค้าจาก ebay นั้น จะมีระบบตรวจสอบซึ่งเป็นข้อมูลเปิดในรูปแบบของ feedback ในตัวผู้ขาย (รวมถึงผู้ซื้อด้วย) ซึ่งผู้ซื้อสามารถเข้าไปเช็คประวัติได้ ในระบบจะแสดงเป็นสัญลักษณ์เอาไว้ โดยจะมีอยู่ 3 ระดับ ตั้งแต่ผู้ขายที่เป็น Positive จะแสดงเครื่องหมายบวก คือเป็นผู้ขายที่มี feedback ที่ดีจากผู้ซื้อ มีความน่าเชื่อถือในตัวสินค้า ส่งของตรงเวลา และซื่อสัตย์ต่อผู้ซื้อ
ผู้ขายที่เป็น Natural จะแสดงเครื่องหมายจุดวงกลมสีดำธรรมดา จะหมายถึงผู้ขายที่ปกติทั่วๆไป
และสุดท้ายคือผู้ขายที่เป็น Negative จะแสดงเครื่องหมายลบสีแดงในครึ่งวงกลม ซึ่งหมายถึงผู้ขายที่มี feedback ไม่ดีจากผู้ซื้อ อาจเป็นเพราะเขาไม่มีความรับผิดชอบในการขายอย่างเพียงพอ ส่งของแล้วไม่ถึงมือผู้รับ อะไรอย่างนี้ เป็นต้น
“การจัดอันดับอย่างนี้มันก็เป็นเหมือนการให้คะแนน ซึ่งมีประโยชน์ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย คือคุณไม่ได้ซี้ซั้วที่จะซื้อ และคุณก็ไม่ได้ซี้ซั้วที่จะขาย ระบบจะมีการตรวจสอบว่าของจากผู้ขายถึงมือผู้รับหรือไม่ ของที่ขายเป็นของปลอมหรือเปล่า เขาจะมีหมายเลขระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเพื่อประสานงานกลับในกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งพอผมเห็นระบบแบบนี้แล้ว ผมก็มั่นใจที่จะขายมากขึ้น คือมันไม่สามารถโกงกันได้ง่ายๆ
หลังจากที่ผมกับเพื่อนซื้อของเก่าได้ประมาณ 4 – 5 เดือน ผมก็มาดู feedback ของผม เฮ้ย..เรามี feedback ระดับ 50 กว่าเกือบ 60 แล้ว ซึ่งผมจำได้ว่าถ้าระดับคะแนนอยู่ที่ 60 กว่า ก็จะเป็น Positive แล้ว ก็เลยมานั่งคุยกับเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนว่า เราน่าจะขายของบนอีเบย์กันบ้างนะ เพราะขนาดเราเป็นผู้ซื้อเรายังมีคะแนนที่ถือว่าดีเลย ส่วนเหตุผลอีกข้อผมคิดว่า ถ้าเราซื้อแต่ของเข้ามา เกิดวันหนึ่งร้านขายของเก่าเขาไม่รับซื้อเราจะทำยังไง เพราะว่าเราก็ขายอยู่แค่ 2 เจ้า เราเอาไปขายให้เขารอบสองเราก็ยังเห็นของที่เราเอาไปขายให้เขาครั้งก่อนวางอยู่ที่เดิมเลย”
***สินค้าขายดีบน ebay เริ่มต้นก็ขายได้เลย***
แหล่งข่าวเจ้าเดิมเล่าต่อว่า ขณะที่เขาซื้อของเก่ามาขายนั้น เขาก็ดูว่าคนไทยที่เข้าไปขายของใน ebay ขายอะไรกันบ้าง ดูไปดูมา เขาก็เห็นว่ามีคนไทยจำนวนมากที่เข้าไปขายของนั้น ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่นิยมขายพลอย แต่เขาก็ไม่ได้ลงไปศึกษาเรื่องนี้นัก เพราะเขาไม่คิดจะขายมันอยู่แล้ว แต่เขาคิดว่า ถ้าคนที่จะขายของใน ebay ที่จะได้เปรียบก็คือคนที่หาสินค้าตัวนั้นได้ถูกที่สุด เพื่อที่จะไปทำกำไรได้มากที่สุด
สินค้าที่บางครั้งเราไม่คิดว่าจะขายได้ แต่กลับขายได้ดีบน ebay อย่างเช่น กางเกงเล, ยาหม่องตราเสือ, กางเกงนักมวย, นวม, กระจับ หรือแม้กระทั่งโคมยี่เปง โดยแหล่งข่าวยกตัวอย่างในกรณีของยาหม่องตราเสือว่า ชาวต่างชาตินิยมเพราะนำไปใช้ในสปา ซึ่งถ้าไปสำรวจย่านสวนลุมไนท์บาร์ซาก็จะเห็นสินค้านี้วางขายเยอะมาก
“ก่อนที่ผมจะหาอะไรเข้าไปขายในอีเบย์ สิ่งที่คิดไว้อันดับแรกเลย คือผมจะขายสินค้าที่มีคู่แข่งน้อยที่สุด เราจะได้ไม่ต้องไปแชร์ตลาดกันมาก สมมุติเขาขายอยู่ 60 หรือ 65 เราขอแค่ 35 หรือ 45 ก็พอ เพราะเราถือว่าเราเป็นผู้ขายหน้าใหม่ ก็ต้องลองดูก่อนว่ามันจะขายได้หรือเปล่า จากนั้นผมกับเพื่อนก็แยกย้ายกันไปหาสินค้าที่ตัวเองถนัด ผมรู้เรื่องรถก็ไปดูพวกอุปกรณ์เกี่ยวกับรถ เกี่ยวกับอะไหล่ เพื่อนผมเขาก็ดูสินค้าทั่วไป
เสร็จแล้วก็กลับมาคุยกัน เพื่อนผมยังไม่เจอ ผมก็เลยเสนออุปกรณ์ท่อร่วมไอดี หรือ Intake mandifold ซึ่งเป็นท่อที่สวมกับท่อไอเสียผ่านไส้กรองอากาศ เพื่อเก็บอากาศไว้รวมกันและจะถูกดูดลงไปที่ห้องเผาไหม้ โดยรถทุกคันจะมีเหมือนกันหมด ที่ผมเลือกขายตัวนี้ก็เพราะผมเห็นว่าในตลาดมีคนขายอยู่แค่ 2 เจ้า ผมก็นั่งดูเขา ซึ่งมันราคา 750 เหรียญ ถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท หลุดเป็นว่าเล่น ขายดีมากครับ ผมงี้..ตาลุกวาวเลยอ่ะ โอ้โห..ตายแล้ว คนขายก็น้อยด้วย กำไรก็น่าจะสูง ตอนนั้นผมยังไม่ได้เช็คราคาต้นทุน แต่ประมาณดูว่าไม่น่าจะเกิน 15,000 บาท
จากนั้นผมก็ไปสืบราคา ปรากฏว่าสิ่งที่เราคาดหวังไว้ มันถูกกว่าที่คิดอีก โอ้โห..เนี่ยแหละ จะทำให้เราได้กำไรแล้วก็จะทำให้เราเป็นผู้ขายด้วย นึกออกไหม ถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้าน เฮ้ย...มึงรวยแล้วว่ะเพื่อน คืนนั้นนอนไม่หลับเลย
แต่ยังครับ ยังไม่รวย เพราะผมยังไม่ได้ขาย บังเอิญเพื่อนผมมันดันไปเจอโทรศัพท์ยี่ห้อหนึ่ง รุ่นหนึ่งที่ติดบันทึกในอีเบย์ว่าขายดีมาก ต้นทุนก็ถูกกว่าท่อร่วมไอดี และมีคนขายอยู่แค่ 4 คน ผมก็เลยตัดสินใจไปซื้อโทรศัพท์ยี่ห้อและรุ่นที่ว่ามา จัดการถ่ายรูป แล้วก็ใส่ข้อมูลเข้าไป จาก 10 เครื่องใน 1 อาทิตย์ 50 เครื่องใน 1 เดือน และปัจจุบันก็ตกที่เดือนละ 200 กว่าเครื่อง ที่ผมสามารถขายได้ มันทำให้ผมกลายเป็น Power seller ได้เลยครับ
อ้อ..ลืมบอกไปครับ ไอ้ตำแหน่ง Power seller เนี่ยมันได้มาจากการสะสมยอดขายต่อเดือน ซึ่งขั้นต่ำที่สุดคุณต้องมียอดขาย 3,000 เหรียญต่อเดือนคุณก็จะได้เป็น Power seller ซึ่งจะเป็นโลโก้ของผู้ขายที่ดี แล้วนอกจากจำนวนยอดขายที่กำหนดไว้แล้วคุณก็ต้องมี feedback ที่ดีไม่ต่ำกว่า 98% แต่ถ้ายอดขายคุณขึ้นเป็น 5,000 เหรียญต่อเดือน คุณก็จะได้ระดับ Silver, 10,000 เหรียญ ระดับ Gold, 25,000 เหรียญ ระดับ Platinum และ 25,000 เหรียญขึ้นไปจะเป็นระดับไทเทเนียม ซึ่งอันสุดท้ายนี้ผมว่ามันระดับเทพแล้วครับ ผมขอแค่ Power seller ก็พอ”
***โลจิสติกส์ก็สำคัญ***
แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า สาเหตุที่เขาขายโทรศัพท์ได้ดีตั้งแต่ที่เขาเริ่มขายนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่เขาและเพื่อนไปรับสินค้ามาจากแหล่งที่มีต้นทุนถูก ซึ่งสามารถทำราคาและกำไรได้ดี และอีกส่วนหนึ่งซึ่งถือว่าสำคัญไม่แพ้กันก็คือ เขาสามารถลดต้นทุนเรื่องค่าขนส่งได้ในระดับหนึ่ง โดยเรียกว่าเป็นความโชคดีที่เขาได้รู้จักกับเพื่อนของเพื่อนอีกคน เพื่อนคนนี้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในการค้าขายบน ebay มาก ซึ่งเขาได้เป็นตัวแทนของบริษัทโลจิสติกส์รับส่งสินค้าทั่วโลกแห่งหนึ่ง และเขาก็กลายมาเป็นหุ้นส่วนอีกคนที่ดูแลเรื่องชิปปิ้ง เรื่องขนส่ง
ในการส่งสินค้าให้กับลูกค้านั้น เรื่องระบบโลจิสติกส์ถือเป็นตัวปราบเซียนที่จะวัดว่า ผู้ขายมีความรับผิดชอบในการส่งสินค้ามากน้อยแค่ไหน โดยสินค้าแต่ละตัวจะต้องมี Tacking Number หรือโค้ดซึ่งมีผลกับการติดตามว่าสินค้าอยู่ที่ไหน กับใคร ซึ่งบางบริษัทจะไม่มีให้
“ลูกค้าสามารถรู้ได้เลยว่าสินค้าคุณอยู่ตรงไหน ถ้าคุณเช็คจากบริษัทโลจิสติกส์ที่ผมใช้บริการ เพียงคุณกรอก Tacking Number ที่คุณได้ไป สมมติผมจะส่งของ ผมก็ปริ้นท์ เครื่องปริ้นท์ของบริษัทโลจิสติกส์ที่ผมใช้บริการออกมาแล้วก็แปะบนตัวสินค้า เรียก แอร์เวบิว หรือบิลที่ติดไปกับตัวสินค้าที่เราส่งไปให้เขา พร้อมกับตัว Tacking Number จะเป็นตัวหมายเลข 1 2 3 4 5 6 7 8 9 พอผมส่งไปให้เขาปั๊บ มันก็จะมีบิลติดมากับผมด้วย เหมือนเขาเรียก สำเนา
จากนั้นผมก็จะเข้าไปกรอกในหน้าอีเบย์เมเนเจอร์ สำหรับคนที่เป็นผู้ขาย ไว้จัดการในหน้าระบบของเรา คือเราจะส่งอีเมล์ไปที่ลูกค้าของเราคนนี้ ที่ซื้อของชิ้นนี้ ว่าคุณ Tacking Number อันนี้ เวลาคุณจะตรวจเช็ค เขาก็จะรู้ได้ว่าไปเช็คกับเว็บไซต์ของบริษัทโลจิสติกส์นี้ได้เลย ผมก็ส่งอันนี้ไปให้เขา เขาก็สามารถจะรู้ได้เลยว่า ตอนนี้สินค้าเขาถูกบริษัทโลจิสติกส์รับแล้ว ถึงที่สนามบิน ขึ้นเครื่องแล้วนะ ลงเครื่องตอนไหน ไปถึงหน้าบ้านตอนไหน อะไรอย่างนี้เลยครับ”
***บน ebay ก็มีคู่แข่ง***
เห็นเขาขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอย่างนี้ ใช่ว่าจะไม่มีอุปสรรค เพราะหลังจากขายไปได้สักระยะ การแข่งขันในสินค้าตัวเดียวกันก็ย่อมเกิดขึ้นเสมอ ซึ่งแหล่งข่าวได้บอกว่า เขาก็พยายามทำทุกวิถีทางที่จะทำให้เขาขายโทรศัพท์รุ่นเดียวกันกับผู้ขายเจ้าอื่น โดยมีทั้งการลดราคาและแถมสินค้า ซึ่งก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ต้องแข่งขันเหมือนในตลาดทั่วไป
“ตอนนั้นพอคู่แข่งเห็นเราลดราคาแข่งกับเขา ทั้งเราทั้งเขาก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ซึ่งช่วงแรกๆ ผมยังไม่ได้เป็น Power seller ด้วย เขาก็ลดราคาลงมาสู้ เราขาย 65 เหรียญ เขาก็ขาย 65 เท่าเรา แต่เขามีอุปกรณ์แถม เป็นกรอบพลาสติกใสป้องกันรอยขีดข่วน ผมก็นึกในใจ ตายล่ะหว่า..คู่แข่งมีของแถมด้วย แต่ราคาเท่ากัน แล้วเราจะยังไงต่อ จะหยุดนิ่งก็คงไม่ได้ ก็เลยไปหาของแถมแบบเขามาจากเจ้าที่ถูกที่สุดเลย ขายเหมือนกันทุกอย่างมีกรอบพลาสติกใสด้วย แถมด้วยที่ชาร์จในรถด้วย ผมยอมขาย 64 เหรียญ ในใจก็คิดว่า เอาสิ เราขาย 64 เหรียญ แถมตั้ง 2 อย่าง ทำไมจะสู้กับเขาไม่ได้
ผมกับผู้ขายเจ้าอื่นแข่งกันอยู่ช่วงใหญ่ๆเลย เขาก็ทำเหมือนเราทุกอย่าง มีกรอบพลาสติกใส มีที่ชาร์จ และยังแถมแบตเตอร์รี่สำรองให้อีก เอาสิ เขาเล่นกันขนาดนี้เลย แต่เขาไม่ได้ลดราคามาดั๊มสู้กับเรา สมมติตอนนี้ผมขายอยู่ 63 เหรียญ มีกรอบพลาสติกใส มีที่ชาร์จแบตฯ แถม เขาก็คงขาย 64 เหรียญ แต่เขาแถมแบตฯให้อีกก้อนหนึ่ง
จุดนี้ทำให้ผมคิดวิธีการขายแบบใหม่ คือเครื่องเปล่าอย่างเดียวไม่แถมอะไรเลย ขายอยู่ประมาณ 62 เหรียญ ถ้าแถมกรอบพลาสติกใสกับที่ชาร์จแบต คิด 63 เหรียญ แต่ถ้าแถมแบตฯด้วย แถมเมมโมรี่ด้วย ก็อีกราคาหนึ่ง คือถ้าคุณซื้อที่ร้านผม (ในร้านอีเบย์) ผมมีให้เลือกหลายแพ็คเกจนะ ซื้อโทรศัพท์ล้วนๆ ผมถูกที่สุดกว่าใครเขาเพื่อน ผมเช็คราคาดูทุกวันกับคู่แข่งผม”
พัฒนาการการขายของบน ebay ของเขาเริ่มคล่องขึ้น เริ่มมองสินค้าออก เริ่มมีกลยุทธ์ในการขาย ต่อมาเขาก็หาสินค้าใหม่ๆ มาขายเพิ่ม ซึ่งถ้าผู้อ่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้ว คงนึกออกว่า เขายังมีสินค้าตัวหนึ่งที่ตั้งใจจะขายตั้งแต่เริ่มแรก แต่เขายังไม่ได้ขายมันเลย นั่นก็คือ “ท่อร่วมไอดี” หรือ Intake mandifold
แหล่งข่าวเล่าถึงการกลับมาขายสินค้าตัวแรกที่เขาตั้งใจจะขายนี้ว่า เขาเริ่มจัดการมันใหม่เหมือนกับขั้นตอนการขายโทรศัพท์ แต่ปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้น เนื่องจากท่อร่วมไอดีเป็นสินค้าขนาดใหญ่ การบรรจุลงกล่องส่งไปยังลูกค้าจึงค่อนข้างยุ่งยาก เขาเริ่มจากการหากล่องที่แข็งแรงพอที่จะไม่ทำให้สินค้าที่อยู่ข้างในได้รับความเสียหาย ห่อสินค้าด้วยพลาสติกกันกระแทก ซึ่งกว่าจะมั่นใจในความปลอดภัยระหว่างการขนส่งพอ ก็ต้องใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง
***สินค้าต้องห้าม (ขาย) บน ebay***
ปัจจุบันแหล่งข่าวรายนี้มีสินค้าที่ขายอยู่ในร้าน (ในร้าน) ทั้งโทรศัพท์, อะไหล่รถยนต์ และสินค้าทั่วไป โดยเขาบอกว่าจะต้องทำตามกฎกติกาที่ทาง ebay วางไว้อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะสินค้าที่ห้ามนำมาจำหน่ายใน ebay เช่น ห้ามนำอาวุธเข้ามาขาย แต่บางอย่างก็ขายได้อย่างของมีคม ซึ่งจะส่งออกได้เฉพาะบางประเทศเท่านั้น
หรือสินค้าจำพวกยาสูบต่างๆ ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ขายได้ ของผิดกฎหมายทุกชนิด ของละเมิดลิขสิทธิ์ ของปลอม ของก็อปปี้ ซึ่งถ้าเราฝ่าฝืน ebay จะตักเตือนก่อน หรือไม่ก็ delete รายการสินค้าออก แต่ถ้าผู้ขายยังฝ่าฝืนอีก ebay ก็จะลงโทษโดยการระงับ Account ( คะแนนสะสมจากยอดขาย) ซึ่งจะยุ่งยากในการเอา Account โดยรายละเอียดสินค้าที่ห้ามขายจะมีบอกใน ebay
ส่วนวิธีการชำระค่าสินค้านั้น ทาง ebay จะใช้วิธีการชำระผ่าน paypal ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินที่ปลอดภัยที่สุด
“คนที่ยังไม่เคยเข้าไปในอีเบย์เลย อย่างแรกคุณต้องลงทะเบียนก่อน กรอกประวัติ ชื่อ ที่อยู่ โปรไฟล์บัตรเครดิตหรือเดบิตก็ได้ หลังจากลงทะเบียนเสร็จแล้ว ทางอีเบย์ก็จะไปสอบทานเพื่อยืนยันกับทางแบงก์ คือเราจะต้องมีสมุดบัญชีกับทางแบงก์ก่อน และเราจะต้องไปเปิด register กับ paypal ก่อน
คือ ebay กับ paypal นั้นจะเป็นของคู่กัน เราจะซื้อหรือจะขายเราต้องใช้ paypal ซึ่งสะดวกที่สุด จริงๆแล้วมีช่องทางการชำระและจำหน่ายทางอื่น แต่ paypal จะการันตีความปลอดภัย สินค้าไม่ถึงเราก็ report ให้ paypal ได้ ของเสียหายเราก็ report ให้ paypal ได้ เพราะฉะนั้น paypal จึงเป็นตัวกลางที่ดีในการซื้อขายของบน ebay เราจึงจำเป็นต้อง register ทั้ง ebay และ paypal คู่กัน พอเรา register ebay กับ paypal แล้วเราจะได้ account ใหม่ หลังจากนั้นเราก็เปิดเว็บไซต์ใช้ได้ เราอยากจะซื้ออะไรเราก็เข้าไปซื้อได้เลย ที่ผมพูดมันเป็นคร่าวๆยังไม่ละเอียดมาก ถ้าสนใจก็ต้องไปหาหนังสือมาศึกษาดู”
ท้ายสุด แหล่งข่าวแนะนำว่าคนที่คิดจะขายของบน ebay อันดับแรกต้องมีไหวพริบและสัญชาติญาณในการมองหาสินค้า แต่ละตัว อย่างเช่น โคมยี่เป็งบ้านเราใครจะคิดว่าเป็นของที่ขายได้ดีในเยอรมนี ในอังกฤษ มันกลายเป็นสินค้าที่เราคาดไม่ถึงว่าจะขายได้ หรืออย่าง จิวเวลรี่ ถ้าเรามีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเอง ก็ไม่ต้องกลัวใคร แต่ถ้าเราจะขายตามเขา เห็นเขาขายดีอยากขายบ้างเราก็ต้องดูก่อนว่า ต้นทุนของที่เราจะเอามาขายแข่งกับเขาได้ไหม ถ้าสู้ได้เราก็ขายได้เลย ขายได้แน่นอน จะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง
แหล่งข่าวรายนี้ยังบอกอีกว่า เขามีเพื่อนที่ขายของบน ebay มีรายได้เป็นล้านเป็นแสน เพราะว่า ร้านเขาเปิดได้ทุกซอกทุกมุม เปิดทุกที่ที่มีคอมพิวเตอร์ มีอินเตอร์เน็ต เรียกว่าเปิดกัน 24 ชั่วโมงไม่มีปิด ซึ่งมันเป็นโอกาสที่ดีของคนที่คิดจะเริ่มขาย เพราะอีเบย์เองก็จะพัฒนาไปเรื่อย ได้ระดับนี้แล้วก็จะมีเทคนิคมากมายต่างๆในเรื่องของมาร์เก็ตติ้ง
“ผมว่ามันเหมือนเราทำธุรกิจ เรามีความรู้ มีความสามารถ มีช่องทางที่ดีในเรื่องของการขายของในอีเบย์ ก็เหมือนกับเรามีจุดแข็งที่ดี เราก็บริหารธุรกิจในที่นี้ได้ เราสามารถมีเว็บไซต์ของเราเองแล้วไปโพสต์ในอีเบย์ก็ได้ คนเขาจะซื้อของเราในเว็บหรือในอีเบย์ก็ได้ เดี๋ยวนี้การทำเว็บอี – คอมเมิร์ซ ขายของในเว็บราคาก็ไม่แพง มีบริษัทที่รับทำ มีเงินไม่กี่หมื่นก็ทำได้ หรือจะไปเรียน ไปศึกษาเองก็ได้ คืออยู่ที่ต้องถามตัวเองก่อนว่า อยากเป็นผู้ขายหรือผู้ซื้อ แต่ถ้าอยากเป็นผู้ขายก็ต้องศึกษาตำราให้เยอะ จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย”
**** เว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซภาษาไทยใหม่ล่าสุด www.shopping.co.th ****
เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์สนุกดอทคอม www.sanook.com ผู้ให้บริการเว็บท่าอันดับหนึ่งของไทย ผนึกกำลัง ebay ผู้ให้บริการเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซระดับแนวหน้าของโลก เปิดเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซภาคภาษาไทย www.shopping.co.th มุ่งเจาะกลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องการนำเสนอสินค้าออกสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ ผ่านเครือข่ายเว็บไซต์ของ ebay ที่มีฐานผู้ใช้บริการอยู่กว่า 240 ล้านรายทั่วโลก
เว็บไซต์ www.shopping.co.th จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการสามารถทำธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ และซื้อขายสินค้าออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น ผู้ใช้บริการสามารถลงทะเบียนเป็นสมาชิก เพื่อทำการซื้อขายผ่านเว็บไซต์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ขณะที่สมาชิกของสนุกดอทคอม สามารถใช้ชื่อสมาชิกเดิมเพื่อล็อกอินเข้าไปทำการซื้อขายผ่านเว็บไซต์ใหม่นี้ได้ทันที
นอกจากสมาชิกยังสามารถทำการซื้อขายสินค้าออนไลน์กับผู้ใช้บริการในประเทศไทยด้วยกันแล้ว ผู้ประกอบการตั้งแต่ผู้ค้ารายย่อย ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไปจนถึงผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์โอทอป ยังสามารถจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าในต่างประเทศ ผ่านเครือข่ายเว็บไซต์ของ ebay อีกด้วย
ทั้งนี้ มร.แดน เนียรี่ รองประธาน อีเบย์ อิงค์ กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับสนุกดอทคอม ในการให้บริการเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซฉบับภาษาไทย ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้สมาชิกสามารถทำธุรกรรมการซื้อขายภายในประเทศสะดวกขึ้น และยังเปิดโอกาสให้สามารถซื้อขายสินค้ากับคู่ค้าทั่วโลกได้อีกด้วย
ทางด้าน ต่อบุญ พ่วงมหา ประธานบริหาร สนุกดอทคอม กล่าวว่า ด้วยอัตราการเติบโตของจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ใช้บริการมากกว่า 13 ล้านคน รวมถึงมูลค่าด้านการซื้อขายสินค้าผ่านธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ในไทยที่สูงถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (จากผลการวิจัยของไอดีซี) ประกอบกับคนไทยเริ่มมีความมั่นใจในการทำธุรกรรมผ่านทางออนไลน์กันมากขึ้น เราจึงเชื่อมั่นว่าเว็บไซต์ www.shopping.co.th จะกลายเป็นเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของไทยอีกเว็บหนึ่งอย่างแน่นอน
***บริการจาก www.shopping.co.th *****
ชุมชนซื้อขายที่คึกคัก
• ฐานสมาชิกเดิมจาก Sanook! Auction จำนวนกว่าห้าหมื่นคน เป็นเครื่องรับรองถึงจำนวนสินค้าที่หลากหลายให้คุณเลือกสรร
• ชุมชนผู้ซื้อและผู้ขายสามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านเว็บบอร์ด “ชุมชนนักชอป”
ระบบค้นหาสินค้าที่มีประสิทธิภาพ เลือกวิธีการซื้อขายได้ตามต้องการ
• แบบประมูล (Bidding) สามารถเปิดให้ผู้ซื้อเสนอราคาสูงสุดและรับราคาสูงสุดเมื้อสิ้นสุดระยะเวลาประมูล
• ขายทันที (Buy it now) กำหนดราคาที่ผู้ขายพอใจจะขาย เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถซื้อสินค้าทันทีโดยไม่ต้องรอการประมูลจบ
ระบบการชำระเงินที่หลากหลาย
• การสมัครสมาชิก S! Wallet ทำให้คุณสามารถรับชำระค่าสินค้าผ่านหลายช่องทาง เช่น บัตรเครดิต, ATM โดยใช้บัญชีเดียวจัดการ
• โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร
• เช็คราคาจัดส่งสินค้าผ่านไปรษณีย์ไทยได้ทันทีบนเว็บไซต์
มุมสมาชิกที่มีเครื่องมือให้ใช้งานอย่างครบถ้วน
• มีข้อมูลสรุปรายการและสามารถเข้าไปดูรายละเอียดรายการซื้อและขายทั้งหมด
• สามารถตรวจสอบบัญชีและรายการโอนเงิน Sanook! Wallet และยอดค้างชำระกรณีท่านใช้บริการพิเศษบนเว็บไซต์
• สามารถเรียกดูข้อความที่มีสมาชิกรายอื่นส่งถึงท่าน และข้อความที่ท่านส่งออกได้
มั่นใจด้วยนโยบายเพื่อความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ
• มีระบบให้ความคิดเห็นและให้คะแนนผู้ขาย เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้ซื้อ
• มีไอคอนพิเศษแสดงสำหรับสมาชิกที่ได้รับการยืนยันตัวตนแล้ว เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ
• มีระบบให้สมาชิกร้องเรียนในกรณีที่ไม่ได้รับความยุติธรรมในการซื้อขาย
• มีโครงการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ เพื่อให้เจ้าของ Brand สามารถแจ้งรายการสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ได้
(ข้อมูลจาก นิตยสาร SMEs Today ฉบับเดือน ม.ค.51)