ผักไฮโดรโพนิกส์ เป็นนวัตกรรมการปลูกผักแบบไร้ดิน ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะผักที่ได้จะปลอดภัยไม่มีสารพิษ เนื่องจากการปลูกผักในระบบดังกล่าวจะถูกควบคุมโดยระบบน้ำ ดังนั้นผักที่ปลูกในระบบไฮโดรโพนิกส์จะไม่ได้รับเชื้อโรค และสิ่งปนเปื้อนที่มาจากดิน ซึ่งผู้ปลูกไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีในการป้องกันโรค และส่วนใหญ่ทุกฟาร์มจะปลูกอยู่ในระบบปิด ซึ่งช่วยควบคุมแมลงได้ง่าย ทำให้ไม่ต้องฉีดยาพ่นฆ่าแมลง
การปลูกผักไฮโดรโพนิกส์ เป็นระบบที่มาจากในต่างประเทศ ดังนั้น ปัจจุบันผักที่ปลูกในระบบดังกล่าวจะเป็นผักในตระกูลผักกาดแฟนซีจากต่างประเทศ โดยจะต้องมีการนำเข้าเมล็ดพันธุ์มาจากต่างประเทศและประกอบกับการปลูกในผักไฮโดรโพนิกส์จะต้องปลูกในระบบที่ต้องควบคุมน้ำและอาหาร ทำให้การปลูกผักไฮโดรโพนิกส์มีต้นทุนที่สูงกว่าการปลูกผักทั่วไป โดยเฉพาะในช่วงของการเริ่มต้นฟาร์มแต่ละแห่งลงทุนไม่ต่ำกว่าหลักล้านบาท
สำหรับฟาร์มผักไฮโดรโพนิกส์ ในเมืองไทยที่เป็นฟาร์มขนาดใหญ่ยังมีอยู่ไม่กี่แห่ง และหนึ่งในนั้นเป็นฟาร์มของ นายกิ่งเพชร เกษมสุวรรณ เจ้าของ กู๊ด ฟาร์มเมอร์ ไฮโดรโพนิคส์ ที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่ 2 ไร่ มีโต๊ะปลูกผักอยู่จำนวน 36 โต๊ะ ปัจจุบันสามารถผลิตผักออกมาจำหน่ายได้วันละประมาณ 300 กิโลกรัม โดยผักที่ปลูกอยู่ในฟาร์มเป็นผักในตระกูลผักกาดแฟนซี่ ได้แก่ เรดโอ๊ค กรีนโอ้ค คอส เล็ททิส เรดคลอรอล อรูกูร่า ฟิลเล่ย์ ไอซ์เบิร์ก บัตเตอร์เฮด อิตาเลี่ยน บาซิล มิซูน่า
นอกจากผักในตระกูลผักกาด ทางฟาร์มได้มีการขยายพื้นที่ในการปลูกสมุนไพรประเภทเครื่องเทศ 3 ชนิด ได้แก่ ล็อกเกท โรสแมรี่ และออริกาโน เป็นเครื่องเทศที่มีการใช้กันมากในการปรุงอาหารต่างประเทศ ที่ผ่านมาต้องมีการนำเข้าเครื่องเทศเหล่านี้ มาใช้กันมากในกลุ่ม ร้านอาหาร โรงแรม ต่างๆ ที่ขายอาหารฝรั่ง ซึ่งราคาค่อนข้างสูง และนำเข้ามาในลักษณะของเครื่องเทศอบแห้ง แต่บางแห่งต้องการใช้เครื่องเทศนี้ในลักษณะของสด สด
" ทางฟาร์มของเราจึงเห็นว่ายังไม่มีผู้ปลูกเครื่องเทศในเมืองไทยมากนัก จึงได้ทดลองปลูกโดยมีการปลูกทั้งในระบบไฮโดรโพนิกส์ และการปลูกในดิน ซึ่งปัจจุบันสามารถปลูกและส่งจำหน่ายควบคู่กับผักไฮโดรโพนิกส์ได้ ในช่วงแรกเริ่มต้นไม่กล้าปลูกออกมามากเพราะยังไม่รู้ความต้องการของตลาดว่าต้องการมากน้อยเพียงใด เนื่องจากเราเป็นฟาร์มขนาดเล็ก โดยส่งจำหน่ายเฉพาะร้านอาหาร โรงแรมสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดใกล้เคียงเท่านั้น ซึ่งยังมีความต้องการไม่มาก"
นอกจากการส่งขายตามร้านอาหารและโรงแรม แล้ว ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวพัทยา แวะเยี่ยมชมและซื้อกลับไปปรุงอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่ โดยมากจะเป็นต่างชาติมากกว่าคนไทย ราคาของผักกาดแต่ละชนิดไม่แตกต่างกันมากเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาท ซึ่งราคาจำหน่ายในปัจจุบันจะตกลงมาจากในช่วงเริ่มต้น เมื่อประมาณ 7 ปีที่ผ่านมาที่เริ่มเปิดฟาร์มผักใหม่ ซึ่งราคากิโลกรัมละ 250 บาท
ทั้งนี้ ราคาที่ถูกลงส่วนหนึ่งมาจากมีผู้หันมาทำฟาร์มผักลักษณะนี้มากขึ้น มีผักออกมาสู่ตลาดมากขึ้น ในขณะเดียวกันความนิยมในกลุ่มคนไทยเริ่มมากขึ้น คนไทยรู้จักและบริโภคผักไฮโดรโพนิกส์ เพราะมองว่าเป็นผักปลอดสารพิษ ซึ่งปัจจุบัน ผักที่ขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่จะมีการฉีดยาฆ่าแมลงกันมาก ดังนั้นผู้บริโภคเริ่มมองหาผักที่ปลอดภัยจากสารพิษตกค้าง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรักษ์สุขภาพ
นายกิ่งเพชร เล่าว่า ได้ทำฟาร์มแห่งนี้มาประมาณ 7 ปี เริ่มจากมีที่ดินอยู่ในเมืองพัทยา และมองว่าจะลงทุนทำอะไรได้ ซึ่งพื้นที่บางส่วนได้ลงทุนทำรีสอร์ทเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยว แต่เหลือพื้นที่อีกประมาณ 2 ไร่ มองว่าถ้าทำรีสอร์ท ก็มีคนทำกันมากแล้ว จึงตัดสินใจว่าน่าจะลองทำฟาร์มผักกาดแฟนซี ไฮโดรโพนิกส์ เพื่อป้อนให้กับร้านอาหาร โรงแรม และรีสอร์ท ในย่านนี้ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งยังไม่มีใครทำมาก่อน เราจะเป็นรายเดียวและรายแรกในเมืองพัทยา โดยร้านอาหาร โรงแรม ก็ต้องสนใจซื้อผักจากเรา เพราะอยู่ในพื้นที่จะได้ผักที่สดและใหม่
สำหรับระยะเวลาในการปลูกตั้งแต่เพาะเมล็ดจนสามารถตัดขายอยู่ที่ 45 วันถึง 50 วัน การลงทุนเริ่มต้นของกู๊ดฟาร์มอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาท เมล็ดพันธุ์จะต้องนำเข้าจากต่างประเทศ มีการใช้ยาฆ่าแมลงบ้างแต่เป็นยาฆ่าแมลงที่ย่อยสลายไม่มีสารตกค้าง ปัจจุบันมีการทำปุ๋ยธรรมชาติ ทำให้ไม่ต้องซื้อปุ๋ยจากต่างประเทศ
สนใจโทร. 08-1834 - 5933