บะหมี่อาหารหลักที่พบเห็นและหาทานกันได้ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า กลางวัน โดยเฉพาะช่วงเวลาค่ำคืนบะหมี่กลายเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายๆ คน จุดเด่นของบะหมี่แต่ละร้านแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ว่าใครจะมีสูตรอะไร เพื่อเรียกลูกค้า แต่สำหรับ "ซังฮี้ บะหมี่เบตง" ของ "ลุงสุระสิทธิ์ ตั้งอุดมศักดิ์" หรือที่คนหาดใหญ่รู้จักกันในชื่อของ "หมอเฉิน" หมอชาวบ้านรักษาอาการอัมพฤต อัมพาต
ความโดดเด่นของซังฮี้ บะหมี่เบตง อยู่ที่ลุงหมอเฉิน ให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพ จึงได้ทำเส้นบะหมี่งาดำขึ้นมา เส้นบะหมี่ที่ได้ออกมาจะเป็นสีดำ ทำให้ร้านบะหมี่ซังฮี้ เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อที่เรียกกันว่าร้านบะหมี่ดำ ถือได้ว่าเป็นรายแรกและรายเดียวในหาดใหญ่เมื่อหลายปีที่ผ่านมา แต่ผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ จนกระทั่งเมื่อเกิดเหตุระเบิดรุนแรงที่หาดใหญ่ ซึ่งห่างจากร้านบะหมี่ซังฮี้ของลุงไปเพียง 10 เมตร เป็นเหตุทำให้ลุงตัดสินใจเดินทางออกจากหาดใหญ่ มาเปิดร้านอยู่ในกรุงเทพฯ โดยเปิดร้านครั้งแรกที่ซอยลาดพร้าว 71 เมื่อปี 2548 และด้วยทำเลที่ไม่ดีนัก ประกอบกับค่าเช่าพื้นที่ราคาค่อนสูงมาก ต้องย้ายที่ออกมาเปิดร้านแห่งใหม่อยู่บนถนนคู้บอน กม.8 รามอินทราในปัจจุบัน
ลุงหมอเฉิน เล่าว่า ร้านซังฮี้บะหมี่เบตง จุดเด่นอยู่ที่บะหมี่ที่เราทำขึ้นเอง โดยมีสูตรเด่น 2 สูตร คือ บะหมี่ดำซึ่งมีส่วนผสมของงาดำ และบะหมี่เหลืองมีส่วนผสมกุ้งและไข่ ที่มาของบะหมี่งาดำมาจากเมื่อปี 2540 คิดว่าน่าจะทำอาหารเพื่อสุขภาพขาย และมองไปที่บะหมี่ เพราะเป็นอาหารที่คนทั่วไปรู้จัก และเป็นอาหารร้อนที่นิยมกินกันโดยเฉพาะช่วงอาหารมืดค่ำ และที่เลือกงาดำ เพราะลูกสาวขายเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และมีงาดำเป็นส่วนผสมซึ่งขายดีมาก จึงเกิดความคิดว่าเมื่องาดำเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพ น่าจะนำมาทำบะหมี่
โดยได้ลองผิดลองถูกอยู่นานกว่าจะได้เส้นบะหมี่งาดำ ซึ่งบะหมี่งาดำนิยมกินกันในรูปของบะหมี่แห้ง มากกว่าบะหมี่น้ำ เพราะกินบะหมี่แห้งจะยังคงรสชาติของงาดำมากกว่า แต่ทางร้านมักจะเสิร์ฟพร้อมกับน้ำซุป ในส่วนของบะหมี่เหลืองต้องการให้แปลกแตกต่างจากบะหมี่เหลืองทั่วไป จึงได้มีการเติมกุ้งลงไปด้วยเพื่อช่วยเพิ่มแคลเซียม ซึ่งก็ได้มีการลองผิดลองถูกอยู่นานกว่าการทำบะหมี่งาดำ เพราะต้องหาวิธีทำอย่างไรไม่ให้บะหมี่มีกลิ่นคาวของกุ้งติดมาด้วย ซึ่งในส่วนของบะหมี่เหลืองสามารถกินได้ทั้งน้ำและแห้ง แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน
สำหรับบะหมี่งาดำจะขายได้มากและเป็นที่นิยมมากกว่าบะหมี่เหลือง ส่วนราคาขายเท่ากันทั้งบะหมี่เหลืองและบะหมี่ดำ คือ ชามละ 25 บาท แต่ถ้าเป็นการขายส่งเฉพาะเส้นบะหมี่จะขายกิโลกรัมละ 70 บาท สำหรับบะหมี่ดำ และบะหมี่เหลืองกิโลกรัมละ 60 บาท ที่ผ่านมามีลูกค้ามารับบะหมี่ดำไปขายหลายร้าน ซึ่งในอนาคตต้องการจะนำบะหมี่งาดำไปวางจำหน่ายในศูนย์การค้า เพราะยังไม่เคยเห็นใครทำบะหมี่ดำมาก่อน แต่ตอนนี้ติดปัญหาเพราะสินค้าประเภทอาหารต้องได้อย.ก่อนถึงจะนำไปวางขาย ซึ่งการขออย.ค่อนข้างยุ่งยาก จึงต้องใช้เวลา
นอกจากบะหมี่ ทางร้านมีอาหารพื้นเมืองของเบตงจำหน่ายด้วย เพราะภรรยาของลุงซึ่งเป็นคนเบตงและชื่นชอบการทำอาหารจึงได้ทำอาหารที่ขึ้นชื่อของเมืองเบตง จังหวัดยะลา เข้ามาเสริมในร้าน โดยในครั้งนี้ทางร้านซังฮี้ ได้มีเมนูอาหารเบตง เด่น ได้แก่ ไก่สูตรเบตง หมูอบเบตง และยังมีอาหารเด่นประเภทสมุนไพรจีน อีก 3 ชนิด คือ เอ็นตุนยาจีน ต้าลิหวัง บะกุดแต๋ หัวบุกผัดเห็ดหอม โดยอาหารเบตงที่เลือกมาเป็นอาหารที่สามารถทานคู่กับบะหมี่ หรือข้าวได้
ลุงหมอเฉิน เล่าว่า ที่ทำร้านแห่งนี้ ขึ้นมาจุดหนึ่งต้องการจะสร้างอาชีพไว้ให้กับลูก และประกอบกับภรรยาก็เป็นคนชอบทำอาหารและตัวเองก็ชอบทำอาหาร ก็เลยตัดสินใจเปิดร้านนี้ขึ้นมา โดยวางตำแหน่งของร้านเป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพ สไตล์อาหารจีนแบบเบตง ตอนอยู่ที่หาดใหญ่ มีลูกค้าค่อนข้างมาก วันหนึ่งขายได้ประมาณ 5,000 บาท 6,000 บาท แต่พอเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบรายได้ลดลงมาก วันหนึ่งขายได้วันละประมาณ 1,000 กว่าบาท จึงอยู่ไม่ได้จำเป็นต้องหาที่ใหม่และเลือกเดินทางเข้ามากรุงเทพฯ ในช่วงแรกขายได้วันละ 2,000 บาท ถึง 3,000 บาท เท่านั้น
โทร.089-732-9528