ในวงการเครื่องประดับ ทุกคนจะคุ้นเคยอยู่กับเครื่องประดับเพียงไม่กี่อย่าง เช่น ทองคำ เงิน นาค สแตนเลส โครเมี่ยม แต่ในวงการดีไซน์ พยายามคิดหาวัตถุดิบที่ดูแปลกใหม่เพื่อเสริมให้งานดีไซน์ดูโดดเด่น เฉกเช่น ผลงานดีไซน์ของ 2 เพื่อนสนิท "สุพจน์ สุวรรณสิงห์" และ "ปิยวรรณ นอกเมือง" ที่ได้นำทองเหลืองมาเป็นวัตถุดิบในการสร้างงานเครื่องประดับที่ไม่ซ้ำแบบใครเป็นครั้งแรก ภายใต้แบรนด์ SaPrang (สพรั่ง)
สุพจน์ เล่าถึง เครื่องประดับทองเหลืองสพรั่ง ว่า เกิดขึ้นจากแนวคิดที่ต้องการออกแบบเครื่องประดับให้ออกไปในแนวงานเก่าย้อนยุค ซึ่งมองว่าทองเหลืองเป็นวัตถุดิบที่น่าจะไปกันได้กับงานออกแบบแนวดังกล่าว จึงได้เลือกทองเหลือง และประกอบกับทั้งสองคนเพิ่งเริ่มธุรกิจไม่มีเงินทุนมากพอ ในการใช้วัตถุดิบอย่างทองคำ หรือจิวเวอรี่ราคาแพง
ในขณะที่ทองเหลืองราคาไม่สูงโดยราคาใกล้เคียงกับเครื่องเงิน คุณสมบัติอื่นๆคล้ายกับเครื่องเงิน การดูแลรักษาเมื่อใส่ไปนานแล้วดำ ให้นำน้ำส้มสายชูผสมเกลือขัดด้วยสก็อตไบร์ท ดูแลเหมือนภาชนะทองเหลืองที่ใช้กันตามบ้าน
ทั้งนี้ ที่ลูกค้าชื่นชอบเครื่องประดับทองเหลืองของสพรั่ง ก็มาจากดีไซน์ที่แปลกใหม่ ส่วนตัวทองเหลืองไม่ใช่เหตุผลในการตัดสินใจซื้อ กลุ่มลูกค้าเป็นคนที่ชื่นชอบการแต่งตัวที่มีดีไซน์ที่แปลกใหม่ โดยวางตำแหน่งลูกค้าไว้ที่กลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ระดับบีขึ้นไป เนื่องจากเป็นงานดีไซน์ราคาค่อนข้างสูง
ดังนั้น จึงเลือกวางจำหน่ายสินค้า ในศูนย์การค้าชั้นนำอย่าง ศูนย์การค้าสยามพารากอนในโซนเครื่องประดับที่เป็นผลงานของดีไซน์เนอร์ ส่วนช่องทางจำหน่ายอื่น ๆ คือ การออกงานแสดงสินค้าเพื่อการส่งออก เป็นหลัก
ปัจจุบันการทำตลาดของชุดเครื่องประดับทองเหลืองสพรั่ง จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนที่ผลิตและจำหน่ายเองในศูนย์การค้าชั้นนำ และฝากขายกับร้านคนที่รู้จัก และส่วนที่สองเป็นการผลิตตามออร์เดอร์ มีพ่อค้าคนกลางมารับสินค้าไปจำหน่ายอีกที่หนึ่ง ซึ่งมีทั้งที่จำหน่ายในประเทศและส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ และในส่วนที่ 3 การผลิตและออกแบบเพื่อไปร่วมโชว์ในงานแฟชั่นโชว์ต่างๆ
"ในส่วนที่เป็นงานโชว์ เป็นช่องทางที่ทำให้เราสามารถคิดงานดีไซน์ใหม่ออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งในส่วนนี้มักจะทำขึ้นมาเพื่อโชว์อย่างเดียวไม่เน้นการขาย อย่างไรก็ตาม การทำงานของเราคือ ทุกแบบเราจะต้องเป็นผู้ออกแบบเองทั้งหมด ไม่รับทำตามแบบของลูกค้า โดยการทำตามแบบลูกค้าค่อนข้างยุ่งยากเพราะรายละเอียดค่อนข้างเยอะและบางครั้งทองเหลืองมีข้อจำกัดในการทำงานซึ่งบางแบบไม่สามารถทำได้"
สุพจน์ เล่าว่า ปัญหาในขณะนี้ เป็นเรื่องของการตลาด เพราะตนเองและหุ้นส่วน ไม่มีความรู้เรื่องของตลาดทั้งคู่ ไม่รู้ว่าผลิตออกมาแล้วจะนำไปขายที่ไหน และลูกค้าจะชอบหรือไม่ ต่างจากบริษัทผู้ผลิตเครื่องประดับขนาดใหญ่ ที่มีทีมงานด้านการตลาดรู้ว่าจะต้องผลิตอะไรและขายให้กับใคร แต่ข้อได้เปรียบของเรา คือ เป็นงานดีไซน์ที่เน้นงานแฮนด์เมด สามารถเปลี่ยนแบบได้ตลอดเวลา ลูกค้าซื้อไปก็สามารถใส่ได้โดยไม่ต้องกลัวซ้ำแบบกับใคร
ปัจจุบันมีดีไซน์เนอร์หน้าใหม่สนใจเข้ามาทำธุรกิจด้านออกแบบเครื่องประดับมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากลูกค้าให้ความสนใจเพิ่มขึ้นด้วย แม้ว่าราคาของเครื่องประดับแนวดีไซน์จะมีราคาค่อนข้างสูงกว่าเครื่องประดับทั่วไปอยู่ค่อนข้างมาก แต่ลูกค้าจะได้แบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ในส่วนงานออกแบบของคุณสุพจน์ จะออกเป็นคอลเลคชั่น โดยคอลเลคชั่นล่าสุด ใช้ชื่อว่า "สพรั่ง" ที่ชื่อ สพรั่งเพราะตรงกับคอนเซ็ปต์ ที่ออกมาในแนวของ ดอกไม้ ใบไม้ ที่บานสพรั่ง ซึ่งเป็นคำไทยไทยที่ฟังง่ายๆไม่ต้องแปล และต้องการจะสื่อให้ลูกค้าได้เห็นถึงความเป็นไทย โดยชื่อสพรั่งนี้ จะยังคงใช้อีกในหลายคอลเลคชั่น เพราะในอนาคต นอกจากงานทองเหลือง มีแผนที่จะนำวัสดุอื่นๆ เช่น ทองคำ หรือ จิวเวอรี่ เพชร พลอยเข้ามาเสริม ในคอลเลคชั่นนี้ด้วย แต่ตอนนี้ ยังติดเรื่องเงินลงทุน
"ส่วนแนวทางในการออกแบบเครื่องประดับของเราไม่ได้อิงกับแฟชั่น แต่จะเกิดจากไอเดีย และดีไซน์ของตัวเองเป็นหลัก พยายามจะไม่ดูแฟชั่นในต่างประเทศมาก เพราะจะทำให้ติดตาพอมาออกแบบของตัวเองจะติดภาพเหล่านั้น ทำให้ไม่เป็นเอกลักษณ์ที่แท้จริงของเรา"
สำหรับสุพจน์ และปิยวรรณ เรียนจบด้านออกแบบดีไซน์ เครื่องประดับจากมหาวิทยาลัยศิลปากร เริ่มจากทำงานให้บริษัทด้านเครื่องประดับแห่งหนึ่ง ก่อนตัดสินใจออกมาทำธุรกิจของตัวเอง เพราะการทำงานบริษัท จะถูกตีกรอบด้านความคิด ทำให้ไม่สามารถทำงานอย่างที่ต้องการได้ จึงเริ่มทำงานของตัวเองและนำไปฝากขายตามร้าน ก่อนตัดสินใจลาออกจากงานและมาทำอย่างจริงจัง ได้ประมาณ 1 ปี ผลตอบรับพอไปได้ แต่ติดปัญหาเรื่องการตลาดที่ยังไม่มีความชำนาญ
สนใจโทร.081-905-6681,081-986-4819