หากพูดถึงไอศกรีม หลายคนคงจะนึกถึงไอศกรีมรสชาติผลไม้จากต่างประเทศ ที่เน้นสีสันสดใส ทำให้บางคนหลงลืมไอศกรีมที่รุ่นปู่ ย่า ตาย ยาย เคยรับประทานมาตั้งแต่วัยเด็ก นั่นคือ “ไอศกรีมกะทิสด” ที่ใช้กะทิ และมะพร้าวเป็นส่วนผสมหลักแทนการใช้นม
นี่คือการสานต่อธุรกิจของครอบครัว ที่ยึดอาชีพนี้มาหลายต่อหลายรุ่น และเมื่อมาถึงยุคของ นายมนตรี กะตากูล จึงได้พัฒนารูปแบบไอศกรีมกะทิสด นำมาใส่ผลไม้ไทยๆ เพิ่มสีสัน และเป็นอีกทางหนึ่งให้กับลูกค้า รวมถึงการดัดแปลงไปเป็นไอศกรีมทอดอีกด้วย
ไอศกรีม“มนตรี” จึงถือเป็นแบรนด์ในรุ่นที่นายมนตรีบุกเบิกและพัฒนา จากเดิมที่ธุรกิจของครอบครัวเป็นโรงงานผลิตไอศกรีมกะทิสดโบราณ (ใช้มะพร้าวน้ำหอม) ต่อยอดเป็นไอศกรีมทรงเครื่อง (ขนมไข่, ไข่เค็ม,หมูหยอง) และพัฒนาไปเป็นไอศกรีมรสผลไม้ เช่น มังคุด ทุเรียน มะไฟ เน้นใช้ผลไม้ตามฤดูกาล จนกระทั่งล่าสุดดัดแปลงเป็นไอศกรีมทอดหลากรสชาติ
“ธุรกิจนี้ถือเป็นธุรกิจของครอบครัวอย่างแท้จริง เพราะเกิดจากพรสวรรค์ของแม่ที่เมื่อไปชิมอาหารหรือขนมก็ตาม จะสามารถทำเองได้ และพ่อก็มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของเครื่องจักร และเมื่อได้นำทักษะทั้ง 2 อย่างมารวมกัน จึงกลายเป็นธุรกิจไอศกรีมกะทิสด โดยสาเหตุที่ครอบครัวเลือกทำไอศกรีมกะทิสดนั้น มองว่า การขายไอศกรีมเป็นอาชีพที่ทำได้ง่าย ใครก็ทำได้ และที่สำคัญมักจะเป็นทางเลือกสุดท้ายของคนตกงาน ดังนั้นจึงมั่นใจว่าธุรกิจนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวแล้ว ยังสามารถช่วยเหลือให้คนมีงานทำได้อีกทางหนึ่ง”
ทั้งนี้การเริ่มต้นของธุรกิจนี้เกิดจากการเป็นผู้ผลิตไอศกรีมแบบเสียบไม้ โดยใช้กลิ่นสังเคราะห์และสีสังเคราะห์ในการปรุงแต่งรสชาติให้เป็นไอศกรีมรสชาติต่างๆ เช่น รสทุเรียน ,ใบเตย, สตรอเบอรี่ แต่ไม่ได้ใช้ผลไม้สด ซึ่งต่อมานายมนตรีมองตลาดเปลี่ยนไปความนิยมในเรื่องของรสชาติก็เปลี่ยนไป จึงอยากลองปรับเปลี่ยนมาใช้ผลไม้สดประจำท้องถิ่นแทน และประจวบเหมาะกับผู้เป็นพ่อต้องการพักผ่อน ทำให้นายมนตรีเข้ามารับช่วงต่อ และพัฒนาไอศกรีมโบราณจนมาถึงในปัจจุบัน
ปัจจุบันมนตรีไอศกรีมโบราณ ได้ทำธุรกิจในรูปแบบกึ่งแฟรนไชส์ คือ มีผู้มารับช่วงเป็นรถไอศกรีมภายใต้แบรนด์ “มนตรี” ซึ่งแต่เดิมไม่มีการจัดระบบการขาย ระบบบัญชี และวิธีการรักษาคุณภาพสินค้า แต่เมื่อได้เข้าโครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ (NEC) กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ก็ทำให้เรียนรู้ในเรื่องของต้นทุน ระบบบัญชี การบริหารจัดการธุรกิจ มองธุรกิจของตัวเองได้กว้างขึ้น รวมทั้งคิดรูปแบบการขาย และการทำตลาดใหม่ๆ เช่น การคิดที่จะลงทุนในการผลิตถังไอศกรีมแบบใช้ไฟฟ้า ซึ่งจะเก็บไอศกรีมได้นานขึ้น ซึ่งแต่เดิมเป็นถังที่ต้องอัดน้ำแข็งและเกลือ ทำให้ไอศกรีมเสียหายได้หากต้องเดินทางไกล ส่วนด้านการตลาดก็พัฒนา โดยการวางไอศกรีมจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า ภายในจังหวัดระยอง และออกบูธในจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งเป็นแนวทางการทำตลาดใหม่ๆ
สำหรับกำลังการผลิตในขณะนี้อยู่ที่ 600 กิโลกรัม/เดือน ซึ่งกำลังการสูงสุดได้ที่ 1,000 กิโลกรัม/เดือน ขึ้นอยู่กับออเดอร์ ทั้งในรูปแบบของกึ่งแฟรนไชส์ และการรับไปเสิร์ฟตามโรงแรมและร้านอาหาร
“บางครั้งหลังจากที่เราไปเห็นผลไม้ในจังหวัดล้นตลาดก็คิดมาแปรรูปเป็นไอศกรีม ซึ่งขั้นตอนการผลิตไอศกรีมผลไม้แต่ละชนิดก็ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการที่จะทำให้รสชาติออกมากลมกล่อม และมีความอร่อยที่ถูกใจผู้บริโภค แต่ก็ยังไม่ลืมความเป็นไอศกรีมกะทิสดจากมะพร้าวน้ำหอม ซึ่งในอนาคตจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลฟรุกโตสจากผลไม้ เพื่อสุขภาพของผู้บริโภค ส่วนรสชาติจะเพิ่มสูตรฟักทองงาดำ เพื่อให้สอดรับกับกระแสคนรักสุขภาพ โดยที่ผ่านมารายได้นอกจากทำธุรกิจกึ่งแฟรนไชส์แล้ว ยังส่งขายตามโรงแรม ร้านอาหาร อีกด้วย”
***สนใจติดต่อ 0-3865-2267, 08-1946-8275***