xs
xsm
sm
md
lg

ถึงเวลาผปก.ไทยเข้าถึงนวัตกรรมตามแนวคิดQFDผ่านบ.ที่ปรึกษา ฝีมือคนไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธีระ วงศ์พัฒนาสิน ผู้ก่อตั้งบริษัท Innovigor
นวัตกรรม หรือการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ เป็นสิ่งที่นักธุรกิจไทยไม่สามารถหยุดนิ่งได้ โดยเฉพาะในภาวะที่การแข่งขันในตลาดโลกที่มีความรุนแรง บริษัทที่ปรึกษาเป็นทางเลือกหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจเพราะในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น หลายธุรกิจประสบความสำเร็จมาแล้วจากการใช้บริษัทที่ปรึกษาเข้าไปช่วยพัฒนาสินค้าและบริการ ถึงเวลาแล้วที่ผู้ประกอบการไทยจะต้องตื่นตัวเพื่อเข้าถึงแนวคิดในการนำนวัตกรรมใหม่มาใช้กับการพัฒนาสินค้าและบริการผลักดันตัวเองขึ้นมาหนีการแข่งขันในตลาดสินค้าราคาถูก

สำหรับแนวทางการพัฒนาสินค้าและบริการ หรือ Innovation โดยบริษัทที่ปรึกษาในประเทศไทยยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และรูปแบบที่เห็นกันส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะการให้คำปรึกษาด้านบริหารจัดการด้านบัญชี หรือบริหารจัดการเกี่ยวกับองค์กร แต่บริษัทที่ปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องInnovation และการพัฒนาสินค้าและบริการ ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ทั้งเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก เพราะการผู้ประกอบการจะเข้าสู่การแข่งขันในตลาดโลกได้ คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของ Innovation ใหม่

ธีระ วงศ์พัฒนาสิน คนไทยในไม่กี่คนที่ได้มีโอกาสเรียนรู้และทำงานด้าน Innovation กับบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการระดับโลก อย่างบริษัท Coopers&Lybrand และ Accenture ในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการวางแผนกลยุทธ์เป็นเวลานานกว่า 10 ปี หลังจากนั้นได้เปลี่ยนบทบาทจากการเป็นที่ปรึกษาไปเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัท Asia Book เป็นเวลา3 ปี

ด้วยความที่เป็นคนชอบค้นคว้าและสนใจเกี่ยวกับเรื่องนวัตกรรม และการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ และหวังอยากจะช่วยบริษัทของคนไทยให้สามารถพัฒนาขีดความสามารถในด้านการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ คุณธีระจึงได้ตัดสินใจที่จะหันมาศึกษาและทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ อย่างจริงจัง โดยได้เข้าอบรมเกี่ยวกับเทคนิคการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ จากประเทศญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ได้แก่ Quality Function Deployment (QFD) และ Kansei Engineering และจากการอบรมดังกล่าว คุณธีระได้ประกาศนียบัตรQFE ในขั้น Black Belt เป็นคนแรกของประเทศไทย

และได้กลับมาประเทศไทยก่อตั้งบริษัท เมื่อต้นปี 2250 ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อ Innovigor บริการให้คำปรึกษาด้านInnovation โดยใช้ QFD เป็นเทคนิคพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาสินค้าและบริการให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นเทคนิคและวิธีการที่บริษัทชั้นนำระดับโลกใช้กัน ลักษณะของการให้บริการจะเป็นรูปแบบของการผสมผสานระหว่างบริการที่ปรึกษาและฝึกอบรมไปพร้อมๆกัน หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็น On-the-project training กล่าวคือจะทำการฝึกอบรมถ่ายทอดความรู้ให้แก่ทีมพัฒนาสินค้าของลูกค้าพร้อมทั้งให้ทีมลงมือพัฒนาสินค้าและบริการจริงไปด้วย โดย Innovigor จะคอยเป็นที่ปรึกษาและคอยชี้นำ

สำหรับQFD เป็นเทคนิคที่คิดค้นขึ้นมาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1960 โดยศาสตราจารย์ Shigeru Mizuno และ Yoji Akao โดยเริ่มใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ก่อน หลังจากนั้น Mitsubishi Heavy Industy ได้เริ่มนำไปใช้ในปี 1972 ตามด้วยบริษัทหลายแห่งของประเทศญี่ปุ่น ต่อมาในปี 1983 ผู้เชียวชาญจากสหรัฐ ได้ศึกษา QFDที่ประเทศญี่ปุ่นและนำไปตีพิมพ์ใน Harvard Business Review พร้อมกับเขียนเป็นหนังสือหลายเล่มจึงทำให้เป็นที่รู้จักในอเมริกาและยุโรป

จนถึงปัจจุบันได้มีการพัฒนาไปอย่างมาก และในปี 2006 ได้มีการพัฒนากระบวนการให้กระชับขึ้น เพื่อให้สามารถพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ออกมาได้อย่างรวดเร็วขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น

หลักการของ QFD ประกอบไปด้วย 1.การพัฒนาสินค้าและบริการทำได้ 2 ทาง คือ ทางแรก เริ่มต้นจากการพัฒนาเทคโนโลยีก่อนแล้วนำมาประยุกต์เข้ากับความต้องการของลูกค้า(Technology Driven) หรือ อีกทางหนึ่ง การหาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าแล้วจึงมาพิจาณาดูว่าจะต้องใช้เทคโนโลยี จึงจะสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด หรือ (Market Driven )ซึ่ง QFD เน้นเทคนิคที่ Market Driven 2.พัฒนาสินค้าและบริการด้วยตัวของมันเองไม่ใช่ความต้องการของลูกค้า แต่เป็นสิ่งที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า 3.ใช้เทคนิคการสังเกตพฤติกรรมของลูกค้า เพราะบางอย่างลูกค้าไม่สามารถอธิบายคุณลักษณะของสินค้าหรือบริการที่ตนต้องการได้อย่างสมบูรณ์ด้วยวาจา 4. กระบวนการ QFD เป็นกระบวนการที่ทำเป็นทีม โดยผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องมาเข้าร่วม เพื่อเข้าใจความต้องการของลูกค้าร่วมกัน 5. หลักการสุดท้าย คือ จะต้องมีการออกแบบ ความพึงพอใจของลูกค้า เพื่อจะได้ใส่ในสินค้าและบริการก่อนที่จะผลิตสินค้าและบริการใหม่นั้นออกมา

คุณธีระ เชื่อว่าสำหรับวิธีการ QFD นี้ จะช่วยบริษัทของคนไทยให้สามารถเติบโตและแข่งขันได้ และวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัทในครั้งนี้ส่วนหนึ่งต้องการที่จะช่วยให้บริษัทของคนไทยสามารถพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ โดยใช้เทคนิคและวิธีการที่ใช้ในบริษัทชั้นนำระดับโลกใช้กันและประสบความสำเร็จ เพราะจากประสบการณ์ในการทำงานให้กับบริษัท Coopers&Lybrand และ Accenture ซึ่งบางครั้งไม่สามารถเลือกลูกค้าอย่างที่เราต้องการได้ เคยมีลูกค้าจากบริษัทคนไทยต้องการให้ช่วยเราก็ไม่สามารถช่วยได้ ทั้งที่เราอยากจะช่วย ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง

และการได้ออกมาตั้งบริษัทได้นำสิ่งที่รู้มาถ่ายทอดให้กับคนไทยด้วยกันและได้เห็นบริษัทของคนไทยเติบโตแข่งขันกับประเทศอื่นได้ และการก่อตั้งบริษัทในครั้งนี้ได้ทำในสิ่งที่ชอบ คือ การได้คิดสินค้าใหม่ออกมาและประสบความสำเร็จในการทำตลาด


ในช่วงแรกที่เปิดดำเนินการได้ลูกค้าจากคนที่รู้จักก่อน โดยกลุ่มแรกที่ให้บริการอยู่ขณะนี้เป็นธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร ซึ่งคงจะได้เริ่มวางตลาดในเร็วๆนี้ รับรองว่าจะได้เห็นสิ่งที่แตกต่างจากที่เห็นในท้องตลาด การเลือกลูกค้าเราไม่หลักเกณฑ์อะไร โดยหลักจะดูว่าเป็นสิ่งที่เราต้องการจะทำหรือเปล่า และบริษัทมีความพร้อมแค่ไหน คือ เป็นความต้องการส่วนตัว รู้สึกสนุก และต้องการเห็นผลงานก็จะทำ เพราะเชื่อว่าถ้าสนุกกับมันจะสามารถทำออกมาได้ดี

ส่วนขนาดของกิจการไม่ได้เจาะจงไปที่ธุรกิจเอสเอ็มอี จะเป็นบริษัทขนาดไหนก็ได้ แต่ขอให้เป็นบริษัทของคนไทย ระยะเวลาในการทำงานโปรเจคหนึ่งใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ถึง 2 เดือนขึ้นไป แล้วแต่ความยากง่ายของโปรเจคนั้นๆ เดือนหนึ่งบริษัทสามารถรับลูกค้าได้ประมาณ 3 ราย ในช่วงแรกคงเป็นช่วงที่เราต้องการจะสร้างผลงานเพื่อพิสูจน์ฝีมือก่อน ไม่ได้คำนึงถึงรายได้ที่จะเข้ามาว่าจะเป็นเท่าไหร่แต่เป็นระดับที่สามารถเลี้ยงบริษัทให้สามารถดำเนินกิจการไปได้

ส่วนการเปิดบริษัทในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ไม่ได้กระทบกับธุรกิจของเรา เพราะถ้าดูจากบริษัทขนาดใหญ่ที่ทำด้านนี้ ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากเหตุการณ์ต่างๆ ก็มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ ซึ่งเศรษฐกิจไม่ดีลูกค้าก็จะเข้ามาใช้บริการขอให้ช่วยเรื่องการหาผู้ร่วมลงทุน หรือ พัฒนาสินค้าให้กระตุ้นการบริโภคของลูกค้าให้ได้ และถ้าเศรษฐกิจดี ก็ต้องการขยายกิจการ และต้องการสินค้าใหม่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค

การที่เราจะสามารถทำงานตรงนี้ออกมาได้ดี จะต้องมีความละเอียดและเข้าใจความต้องการของมนุษย์ให้มาที่สุด ในอดีตเวลาผลิตสินค้าออกมาจะอาศัยเอ็นจิเนีย ซึ่งเอ็นจิเนียถ้าไม่มีความเข้าใจมนุษย์ไม่สามารถผลิตสินค้าออกมาได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้ ในอนาคตมีแผนที่จะนำผู้ที่ฝีมือด้านงานออกแบบมาทำงานร่วมกับทีมงานนของเราด้วย
 
สนใจโทร.089-090-9888
กำลังโหลดความคิดเห็น