“บ้านมะขาม” ยึดหลักพอเพียง แปรรูปเคี้ยวหนึบเพิ่มค่าสินค้าชุมชน

หากย้อนกลับไปเมื่อ 4-5 ปี ที่แล้ว คำว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” ยังไม่เป็นปรัชญาที่คนไทยนำไปใช้ปฏิบัติในการดำเนินชีวิตอย่างในปัจจุบัน แต่คงไม่ใช่กับธุรกิจ “บ้านมะขาม” ที่ยึดมั่นกับคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงมาโดยตลอด และยังได้นำไปปรับใช้ในการเริ่มต้นธุรกิจเกี่ยวกับมะขามหวานพันธุ์สีชมพู ที่ขึ้นชื่อของ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของภรรยา

นายนิวัฒน์ โฆวงศ์ประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวนผึ้งหวาน จำกัด กล่าวว่า ในการเริ่มต้นธุรกิจนี้ เป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสในช่วงปี 2540 ที่หลายบริษัทเริ่มลดพลนักงานเพื่อลดต้นทุน และทำให้บริษัทเติบโตต่อไปได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือนายนิวัฒน์ ที่เดิมเป็นสถาปนิก ของบริษัทเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง ทำให้ต้องมองหาอาชีพที่มั่นคง ด้วยการเป็นเจ้าของธุรกิจเอง ซึ่งการนำวัตถุดิบที่อยู่ใกล้ตัวน่าจะเป็นหนทางเริ่มต้นธุรกิจที่ดีที่สุด ตามปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง”

“เมื่อเราคิดที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง จึงหาหาสิ่งใกล้ตัว และมีความคุ้นเคยมาเป็นจุดเริ่มต้น ซึ่งก็โชคดีที่ภรรยาของผม (รัชนี โฆวงศ์ประเสริฐ) เป็นคนจ.เพชรบูรณ์ อ.หล่มสัก ซึ่งเติบโตมากับมะขามหวานให้มีความรู้ในการนำมะขามมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะมะขามคลุกที่หลายคนเห็นจนชินตา แต่ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดที่ทำอย่างจริงจัง และมีตรายี่ห้อ ทำให้เราทั้ง 2 คน คิดที่จะเริ่มต้นจากการทำมะขามคลุกเสวย ที่ได้แกะเมล็ดออก และนำไปอบ เพื่อจำหน่ายแบบการค้าส่ง ไม่มีแบรนด์ ไปตามย่านชุมชน เช่น ถนนสีลม ตลาด อตก. ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งต่อมาเราต้องการทำให้ธุรกิจนี้เติบโตอย่างยั่งยืน จึงตั้งแบรนด์ “บ้านมะขาม” ขึ้น และส่งมะขามเคี้ยวหนึบนำร่อง”

และเพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดมากขึ้นทางบ้านมะขาม จึงคิดที่จะนำมะขามเคี้ยวหนึบ วางจำหน่ายตามโมเดอร์เทรด และร้านสะดวกที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ เพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากขึ้น

“การที่เราได้ตัดสินใจนำสินค้าไปวางขายที่ร้านเซเว่นฯ ตั้งแต่ปี 2545 ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะนอกจากยอดขายจะเพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้แบรนด์ของบ้านมะขามเป็นที่รู้จักมากขึ้น แม้กำไรที่ได้รับจะต่ำกว่าการขายเองก็ตาม รวมทั้งทางเรายังได้รับนำแนะนำจากเจ้าหน้าจัดซื้อที่แนะนำในเรื่องการนำการตลาด การปรับปรุงคุณภาพสินค้า และแพคเกจ เพื่อให้สะดุดตากับผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นครูคนแรกของเราที่ทำให้แบรนด์บ้านมะขามเติบโตอย่างในปัจจุบัน”

ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ของบ้านมะขามขณะนี้มีอยู่ประมาณ 20-30 รายการ ทั้งมะขามที่แปรรูปเป็นขนมทานเล่น ขนมกรุบกรอบ อย่าง กล้วยกรอบแก้วไส้มะขาม และของคาว เช่น น้ำพริกกุ้งมะขาม เป็นต้น ซึ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางบ้านมะขาม จะไม่มีการหยุดนิ่ง ซึ่งถือเป็นนโยบายของทางบริษัทฯ และจากสาเหตุนี้เอง ทำให้บ้านมะขามเชื่อว่า เป็นเหตุผลหลักที่ทางเซเว่นฯ เลือกเป็นคู่ค้า แถมสินค้ายังติด 1 ใน 5 อันดับสินค้าขายดีของทางเซเว่นฯ และได้รับรางวัลโอทอป 5 ดาวในการส่งเข้าประกวดในครั้งแรกอีกด้วย

เมื่อบ้านมะขามมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้แตกไลน์สินค้า ในรูปแบบของบ๊วยญี่ปุ่นไร้เมล็ด และบ๊วยสีทอง ที่ได้ผ่านการปรุงรสชาติ ให้ถูกปากคนไทย ภายใต้แบรนด์ “นาน่า (NaNa)” หวังเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค ที่ไม่ชอบรสชาติของมะขามหวาน ซึ่งก็ได้วางจำหน่ายที่ร้านเซเว่นฯ และตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไปเช่นกัน

สำหรับตลาดส่งออก ถือว่าขณะนี้ตลาดยังเปิดกว้างมากสำหรับผลิตภัณฑ์มะขามแปรรูป โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลางอินเดีย ยูเครน และออสเตรเลีย เป็นต้น ที่ชื่นชอบ ส่วนประเทศอื่นๆ ยังต้องใช้แผนการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ต่างชาติทราบถึงสรรพคุณ ของมะขามหวานไทย เนื่องจากที่ผ่านมาชาวต่างชาติในแถบยุโรป จะเข้าใจว่าหากพูดถึงมะขาม จะเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจัด ไม่สามารถนำมาทำเป็นขนมทานเล่นได้ แต่จริงๆ แล้ว มะขามที่มีรสชาติหวาน จะมีที่ประเทศไทยเพียงแห่งเดียว ทำให้ทางบ้านมะขามใช้จุดเด่นนี้เป็นจุดขายนำร่องในการประชาสัมพันธ์ให้ต่างชาติรู้จักมะขามหวานไทย

“ขณะนี้ลูกค้าชาวต่างชาติที่เราส่งออกไปนั้นยังไม่เคร่งครัดเรื่องของมาตรฐานการผลิตมากนัก แต่เราจะนิ่งนอนใจไม่ได้ ล่าสุดเรากำลังขยายโรงงานผลิต เพื่อให้ตรงตามมาตรฐาน GMP เพื่อรองรับออเดอร์จากต่างประเทศในอนาคต ที่เราอยากให้สินค้ากระจายลงสู่ตลาดให้ได้มากที่สุด เพื่อธุรกิจที่ยั่งยืนและมั่นคง”