หลังจากที่เป็นผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการของเกาลัดมากกว่า 30 ปี โดยเป็นผู้นำเข้าเกาลัดเกรดเอ จากประเทศจีน เพื่อมาจำหน่ายให้กับบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ในย่านเยาวราช จนกระทั่งรสชาติของเม็ดเกาลัดที่คั่วร้อนๆ เป็นสินค้าที่ขึ้นชื่อในในย่านเยาวราช แต่เมื่อความต้องการของผู้บริโภคมีมากขึ้น จึงเป็นธรรมดาที่การแข่งขันในเรื่องราคาเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งผลให้คุณภาพของเกาลัดลดน้อยลงไป ซึ่งก็เป็นที่มาของ “เกาลัดเกล็ดหิมะ 3รส ตรา หนูรี่” ที่สร้างความแตกต่างให้กับเกาลัดที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
นายบุญชัย เกษมบุญชัย เจ้าของผลิตภัณฑ์เกาลัดเกร็ดหิมะ 3 รส เล่าว่าการเริ่มต้นธุรกิจนี้เกิดจากการที่ตนเองเป็นผู้นำเข้าเกาลัดดิบเกรดเอจากประเทศจีนมากว่า 30 ปี จนกระทั่งเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ประสบปัญหามีผู้นำเข้าเมล็ดเกาลักคุณภาพต่ำเข้ามาตีตลาด ส่งผลให้ผู้บริโภคไม่เชื่อมั่นในคุณภาพ และลดการบริโภค ซึ่งก็ส่งผลกระทบโดยตรงกับเกาลัดเกรดเอด้วย ทำให้นายบุญชัย คิดหาทางออก และให้ผู้บริโภคกลับมานิยมบริโภคเกาลัดเช่นเดิม
“การที่เราจะทำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา จำเป็นต้องมีความแตกต่างจากท้องตลาดและต้องเป็นนวัตกรรมที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาการบริโภคเกาลัดต้องรับประทานทันทีหลังจากผ่านการคั่วร้อนๆ จึงได้ได้รสชาติที่เอร็ดอร่อย แต่ข้อเสียคือเมื่อเกาลัดเย็นลง การแกะมักจะติดเปลือก ถ้ายิ่งปล่อยทิ้งไว้นานรสชาติก็จะสูญเสียไป ทำให้เราคิดทำให้การนำเกาลัดไปแช่เย็น เพื่อคงรสชาติขึ้น สุดท้ายเราก็ได้คิดค้นกรรมวิธี ผสมผสานเทคนิคการคั่วเกาลัด และนำไปแช่แข็งพอนำออกมารับประทานยังสามารถคงคุณภาพและรสชาติได้เป็นอย่างดี”
จากการที่ต้องการฉีกตลาด หลีกหนีความจำเจในการบริโภคเกาลัดรูปแบบเดิมๆ ด้วยการนำไปแช่แข็ง จนกลายมาเป็น “หนูรี่ เกาลัดเกร็ดหิมะ 3 รส” ที่ผ่านมาแช่แข็งในอุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส พร้อม 3 รสชาติที่คิดค้นขึ้นเอง เพื่อเป็นการเพิ่มรสชาติให้เกาลัดเกล็ดหิมะ ซึ่งการรับประทานหลังจากนำออกมาจากช่องแช่แข็งแล้ว ให้ทิ้งไว้สัก 2-3 นาที จึงนำออกมาจากกระดาษฟลอยด์ และรับประทานได้ทันที จะทำให้รู้สึกสดชื่น เหมาะกับการรับประทานในช่วงที่อากาศร้อน
“เราได้นำเกาลัดเกรดเอทั้งเม็ดมาผ่านกรรมวิธี และเพิ่มรสชาติ 3 รส คือ รสดั้งเดิม รสหอมคลาสสิก และรสหวานน้ำทะเล ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของรสชาติ และความหอมอร่อย โดยรสหอมคลาสสิก จะเป็นรสชาติที่ขายดีที่สุด เพราะเป็นรสชาติผสมผสานระหว่างความหอม และความหวานเข้าไว้ด้วยกัน ส่วนความเย็นที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกสดชื่น ก็ถือเป็นอีกจุดขายหนึ่ง เนื่องจากการที่เรานำกระดาษฟลอยด์มาห่อไว้กับเกาลัดทุกเม็ด และนำไปแช่เย็น จะช่วยคงความเย็นไว้ได้ยาวนานยิ่งขึ้น ส่วนวิธีการเก็บรักษาหากผู้บริโภคยังไม่ได้เปิดรับประมาณ และแช่แข็งตลอดเวลา จะเก็บได้นาน 2 เดือน การแช่เย็นธรรมดา เก็บได้ 12 วัน และการเก็บรักษาโดยที่ไม่ได้แช่เย็นเลย จะเก็บได้เพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น”
นางเมตตา โชคนิธิเวศ ผู้ดูแลด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ ได้กล่าวถึงการทำการตลาดของ เกาลัดเกล็ดหิมะ 3 รส ว่า ที่ผ่านมาผู้บริโภคส่วนใหญ่นิยมซื้อไปเป็นของขวัญของฝากประมาณ 50% ซื้อไปบริโภคเอง 40% และรับไปจำหน่ายเพียง 10% เท่านั้น ซึ่งปัญญาเกาลัดหนูรี่ในขณะนี้อยู่ที่การรับรู้ของบริโภค ที่ส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นเคยกับการรับประทานเกาลัดที่เย็น แต่เมื่อได้ทำการตลาด โดยการไปออกบูธ และให้ทดลองชิมผู้บริโภค 90% จะซื้อทันทีหลังจากลิ้มลอง
“เกาลัดหนูรี่ เกล็ดหิมะ 3 รส ของเรา ถือว่าขณะนี้ตลาดยังไม่กว้างมากนัก ซึ่งยอดการสั่งซื้อโดยเฉลี่ย 200 ห่อ/เดือน เพราะสินค้าเป็นระดับพรีเมียม ส่งผลให้ราคาสูงขึ้นตามไปด้วย โดยราคาอยู่ที่ถุงละ 100 บาท มีขนาเดียว แต่เปี่ยมไปด้วยเกาลัดคุณภาพเกรดเอ ซึ่งยอดการจำหน่ายเติบโตขึ้นทุกปี และมีความถี่ในการซื้อซ้ำเพิ่มขึ้นเช่นกัน”
ส่วนแผนธุรกิจในอนาคต ทางหนูรี่ เกาลัดเกล็ดหิมะ 3 รส ตั้งใจจะวางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าระดับพรีเมียม ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงทดลอง และถนอมอาหาร โดยการใช้ก๊าซไนโตรเจนอัดในถุง เพื่อยืดอายุของเกาลัด และต้องการให้สินค้าเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น จากที่ขณะนี้จุดจำหน่ายมีเพียงที่โรงงานผลิตเท่านั้น อาศัยการโทรสั่งและมารับสินค้า ซึ่งกรรมวิธีการทำจะเน้นที่ความสดใหม่ จะผลิตก็ต่อเมื่อลูกค้าสั่ง เพื่อให้ตรงกับคอนเซ็ปต์ที่ว่า “เด่นที่รส สดเมื่อสั่ง”
***สนใจติดต่อ 0-2622-4946, 081-439-2487***
เกาลัด "ราชาแห่งผลไม้" |
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเกาลัด ในอดีตเกาลัดได้ขึ้นชื่อว่าเป็น "ราชาแห่งผลไม้" เนื่องจากทางการแพทย์จีนได้ยอมรับว่าเกาลัดสามารถใช้รักษาโรคไตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะช่วยบำรุงไต ทำให้ไตแข็งแรง และหากรับประทานวันละ 10 ผล จะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง รวมถึงยังมีคุณค่าทางอาหารตามหลักวิทยาศาสตร์ โดยมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายถึง 7 ชนิด จากปกติที่ร่างกายต้องการกรดอะมิโน 8 ชนิด และมีวิตามินบี ช่วยให้การทำงานต่างๆ ของร่างกายทำงานอย่างเป็นปกติ ---ที่มา : ศูนย์ควบคุมคุณภาพและการตรวจสอบอาหาร จากประเทศจีน----- |