xs
xsm
sm
md
lg

“ซั่งไห่ เสี่ยวหลงเปา” จุดประกายร้านอาหารจีนแนวโมเดิร์น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เปิดแเผนธุรกิจ  “ซั่งไห่ เสี่ยวหลงเปา” ชูธงร้านอาหารจีนแนวโมเดิร์น เสิร์ฟอาหารจีนสูตรเซี่ยงไฮ้แท้ๆ สร้างกระแสบูท ขยายสาขาอย่างรวดเร็ว ล่าสุด คลอดรูปแบบหรู เอาใจกลุ่มลูกค้าตลาดบน เล็งเปิด EXPRESS ควบอาหารแช่แข็ง
อรัญ เอี่ยมสุรีย์
ร้านอาหารจีน “ซั่งไห่ เสี่ยวหลงเปา” ก่อตั้งเมื่อปี 2546 โดย “อรัญ เอี่ยมสุรีย์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซั่งไห่ ฟู้ด จำกัด ซึ่งเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และลุกมาจับธุรกิจร้านอาหารจีนเพิ่มเติม เพื่อเติมเต็มความฝันส่วนตัว ประกอบกับมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ

“ธุรกิจหลักของผม คือ อสังหาริมทรัพย์ แต่ผมมีเชื้อสายจีน จึงความฝันว่า อยากเปิดร้านอาหารจีนแท้ๆ ประกอบกับย้อนไปเมื่อประมาณ 4 –5 ปีที่แล้ว ร้านอาหารจีนแบบทันสมัย เหมือนกับร้านอาหารฝรั่ง หรือญี่ปุ่นยังไม่มี ทำให้เห็นโอกาสที่น่าสนใจ เพราะคนไทยคุ้นเคยอาหารจีนอยู่แล้ว ปัญหาจึงอยู่แค่หาตัวสินค้า มานำเสนอตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้” อรัญ เล่าถึงแรงบันดาลใจ และอธิบายต่อถึงการวางรูปแบบร้าน “ซั่งไห่ เสี่ยวหลงเปา”

**ชูธงสูตร “เซี่ยงไฮ้” บริการทันใจ**

“จากที่เราศึกษาตลาดร้านอาหารจีนในไทย พบว่า ทุกรายเป็นสูตร ‘กวางตุ้ง’ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความแตกต่าง เราเลือกนำเสนอเมนูอาหารจีน สูตรเซี่ยงไฮ้แท้ๆ ซึ่งสองสูตรนี้ แตกต่างกันในรายละเอียด เช่น สูตร ขั้นตอน วัตถุดิบ โดยเฉพาะซอส และอุปกรณ์ต่างๆ โดยเรานำเชฟมาจากเซี่ยงไฮ้เลย อีกทั้ง เราปรับการบริการเป็นแบบสากล ดูทันสมัย สะอาด และเสิร์ฟได้รวดเร็ว เป็นร้านอาหารจีนกึ่งฟาสต์ฟู้ด แก้ปัญหาของร้านอาหารจีนแบบเดิม ซึ่งลูกค้าต้องรอนาน”

“นอกจากนั้น เน้นแต่งร้านด้วยสีแดง และปรุงอาหารแบบ ‘ครัวเปิด’ ให้ลูกค้าเห็นขั้นตอน เพราะการปรุงอาหารจีนเป็นศาสตร์ และศิลป์แขนงหนึ่ง การทำให้เห็นกันสดๆ ช่วยสร้างสีสัน เหมือนมีแสดงโชว์ ซึ่งคอนเซ็ปต์ร้านแบบนี้ ผมไม่ได้ก๊อบปี๊ใครมา แต่เราหยิบหลายๆ อย่างมาประยุกต์เป็นรูปแบบของเราเอง” อรัญ กล่าว
หน้าร้าน “ซั่งไห่ เสี่ยวหลงเปา”  สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว
** ยึดทำเลห้างฯ รุกขยาย 10 สาขา **

ร้าน “ซั่งไห่ เสี่ยวหลงเปา” เริ่มเปิดตัวสาขาแรก ที่สีลม ซอย 6 ด้วยเงินลงทุน 10 กว่าล้านบาท โดยส่วนหนึ่งจัดสรรไปสร้างครัวกลาง เพื่อผลิตอาหารในรูปแบบกึ่งอุตสาหกรรม ไว้รองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต โดยร้านดังกล่าวได้ผลตอบรับอย่างสูง และธุรกิจมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง ถึงปัจจุบัน ขยายรวมแล้ว 10 สาขา ส่วนใหญ่อยู่ในศูนย์สรรพสินค้า อาทิ มาบุญครอง ชั้น 3 , เมเจอร์ ซีนีเพล็ก รัชโยธิน , เซ็นทรัล ลาดพร้าว และเดอะ มอลล์ บางกะปิ เป็นต้น มีลูกค้าเฉลี่ยเข้าร้าน 200-300 คนต่อวัน /ต่อสาขา โดยในปี 2549 อัตราเติบโตจากปี 2548 ประมาณ 15% คิดเป็นรายได้รวมของ 10 สาขา ยังไม่หักค่าใช้จ่าย ประมาณ 150 ล้านบาท

**ผุดสาขาโกล์ด ยกระดับเจาะกลุ่มไฮโซ **

อรัญ เผยต่อว่า กำลังเปิดสาขา 11 ในวันที่ 1 มีนาคม นี้ ที่ชั้น 6 เซ็นทรัล เวิล์ด พลาซ่า ในรูปแบบยกระดับร้าน เจาะลูกค้าตลาดบน ในชื่อ “ซั่งไห่ เสี่ยวหลงเปาทอง” หรือร้านแบบ ‘โกล์ด’ มีจุดขายเป็นอาหารจีนเซี่ยงไฮ้เมนูพิเศษ หากินได้ยาก เพิ่มเติมจากเมนูในร้านรูปแบบเดิม มากกว่า 10 เมนู เช่น ปลากะพงราดซอสซั่งไห่ , เป็ดทอดตำรับซั่งไห่ , ซี่โครงหมูผัดขนมข้าวน้ำแดง และปูขน เป็นต้น

นอกจากนั้น แต่งร้านหรูหรา มีกลิ่นอายของเมืองเซี่ยงไฮ้ เน้นสีทอง แสดงถึงความมีคุณค่า และสาขานี้จะมีเชฟจากเซี่ยงไฮ้ประมาณ 4-5 คน มากกว่าสาขาธรรมดาที่จะมีเฉลี่ย 1 คน/สาขา อีกทั้ง พนักงานเสิร์ฟส่วนหนึ่งเป็นสาวชาวเซี่ยงไฮ้แท้ๆ เพื่อสร้างสีสัน และรองรับให้บริการลูกค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวจีน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งลูกค้าเป้าหมายของร้าน

“เดิมเราต้องการเสิร์ฟความสะดวก และอร่อย แต่รูปแบบดังกล่าว มีข้อจำกัด ไม่สามารถทำบางเมนู ซึ่งมีความยากมากได้ เมื่อเราได้โลเกชั่นในเซ็นทรัล เวิล์ดฯ จึงออกรูปแบบร้านนี้ มาตอบสนองลูกค้ากลุ่มหนึ่ง เป็นเมนูพิเศษ มีความละเอียดละออ และพิถีพิถันมากกว่าเมนูในร้านสาขาเดิม ขณะที่ด้านบริการเราใช้คอนเซ็ปต์ว่า เซี่ยงไฮ้ปรุง เซี่ยงไฮ้เสิร์ฟ เพื่อเพิ่มมูลค่า” อรัญ อธิบายรูปแบบร้านใหม่

ทั้งนี้ ลงทุนกับสาขานี้ ประมาณ 10 ล้านบาท คาดจะคืนทุนภายใน 3-5 ปี โดยราคาอาหารของสาขานี้ จะสูงกว่าสาขาธรรมดา จากค่าเฉลี่ยร้านแบบเดิม ลูกค้า 1 คน จะจ่ายประมาณ 180 บาท เพิ่มเป็น 1 คนจ่ายประมาณ 300 บาท

สำหรับเป้าในปีนี้ อยากขยายในรูปแบบโกล์ด ประมาณ 2-3 สาขา ส่วนร้านแบบเดิมประมาณ 6 สาขา เน้นพื้นที่ภายในห้างสรรพสินค้า ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับจังหวะจะหาทำเลได้ เพราะปัจจุบัน การหาพื้นที่เหมาะสมเป็นเรื่องยากมาก

**เล็งเปิด EXPRESS - อาหารแช่แข็ง **

อรัญ เผยต่อว่า ขณะนี้บริษัทมีทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท โดยแผนการตลาดต่อไป ในช่วงครึ่งปีหลัง เตรียมจะขยายธุรกิจในรูปแบบร้าน EXPRESS ลักษณะบูทขนาดเล็ก บริการเมนูอาหารจีนง่ายๆ ซื้อง่ายขายคล่อง เช่น ซาลาเปาทอด ขนมจีบ เป็นต้น จับกลุ่มลูกค้าคนทำงาน และคนเดินห้างฯ นอกจากนั้น กำลังศึกษา เพื่อแตกไลน์ธุรกิจในรูปแบบอาหารแช่แข็ง วางจำหน่ายตามห้างฯ และร้านสะดวกซื้อ คาดจะออกตลาดได้ประมาณ ต้นปี 2551 ซึ่งจากการขยายธุรกิจต่างๆ เหล่านี้ ตั้งเป้าว่า ภายใน 3 ปี บริษัทจะมีผลประกอบการมากกว่า 200 ล้านบาทต่อปี

สำหรับคู่แข่งธุรกิจ เวลานี้ ยังไม่มีเจ้าใดโดยตรง ส่วนใหญ่จะเป็นคู่แข่งทางอ้อม อย่างร้านอาหารจีนทั่วไปในห้างฯ กับภัตตาคารอาหารจีน โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไม่มีรายใดพัฒนาธุรกิจขึ้นมาแข่งได้ เกิดจากอาหารจีน มีกระบวนการทำซับซ้อน ควบคุมมาตรฐานยาก ความอร่อยขึ้นอยู่กับฝีมือคนมากกว่า 60-70% ขณะที่อาหารตะวันตก คนมีผลเพียงประมาณ 20-30% ดังนั้น บริษัทฯ เป็นผู้ริเริ่มรูปแบบมาก่อน ช่วยให้ควบคุมมาตรฐานได้ดีกว่า

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า บริษัทฯ มีปัญหาสำคัญด้านพ่อครัวชาวจีนถูกซื้อตัว การแก้ปัญหาพยายามเตรียมคนรุ่นใหม่ขึ้นมารองรับ เช่น พัฒนาพ่อครัวคนไทย และประสานกับสถาบันการศึกษา สาขาอาหาร เข้ามาเป็นกำลังเสริม

อรัญ ทิ้งท้ายว่า มั่นใจอนาคตอาหารจีน จะก้าวเข้าไปมีบทบาทต่อสังคมไทย และสังคมทั่วโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามสภาพเศรษฐกิจของจีนที่เติบโตอย่างสูง ทำให้วัฒนธรรมจีนจะถูกส่งออกไปในประเทศต่างๆ ด้วย เหมือนกับครั้งหนึ่งที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโต ทำให้วัฒนธรรมจากแดนปลาดิบ แทรกไปในแทบทุกประเทศทั่วโลก
กำลังโหลดความคิดเห็น