ด้วยความที่เป็นผู้ที่ไม่เคยถ้อถอยในอาชีพที่ตนเองรัก แม้จะต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ กับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้บางอาชีพต้องปิดตัวลงอย่างธุรกิจ “ร้านตัดเสื้อผ้าชาย” ที่หากย้อยไปเมื่อ40 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูมาก แต่ขณะนี้เหลือผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ร้านดุ๊กค์” ที่เจ้าของไม่ยอมแพ้ พยายามหาช่องทางการตลาดอื่นๆ เพื่อประคับประคองให้ธุรกิจตนเองสามารถดำรงอยู่ได้ถึงทุกวันนี้
นายมังกร คูหากนก เจ้าของร้านตัดเสื้อชาย “ดุ๊กค์” (DUKE) และอุปนายกฝ่ายหาทุน คณะกรรมการสมาคมช่างตัดเสื้อไทย สมัยที่ 16 เล่าว่า ตนเองมีความรักในอาชีพช่างตัดเสื้อมาก แม้จะผ่านมาหลาย 10 ปีแล้วก็ตาม เพราะอาชีพนี้ให้ชีวิตและครอบครัวแก่เขา ทำให้รู้สึกภูมิใจในอาชีพนี้มาก แม้ว่าในปัจจุบันลูกค้าจะลดน้อยลงกว่าเมื่อก่อนมาก ที่ลูกค้าต้องเข้าคิววัดตัว จนล้นร้าน แต่มาบัดนี้ร้านเทเลอร์หลงเหลือเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเชื่อว่าการที่ร้านดุ๊กส์ ยังครองใจลูกค้ามาได้ถึงปัจจุบัน คงอยู่ที่ฝีมือและสบการณ์ในการตัดเย็บที่ยากหาช่างใดเปรียบ
สำหรับการก้าวเข้าสู่วงการช่างตัดเสื้อชาย เริ่มขึ้นเมื่อนายมังกรอายุ 22 ปี ด้วยการเป็นช่างเย็บผ้าในร้านเสื้อชื่อดังในสมัยนั้น ซึ่งเขาต้องทำงานหนัก เริ่มงาน 08.00 น. กว่าจะเลิกงานก็ร่วม 5 ทุ่ม ทุกวัน เพราะที่ร้านที่เขาทำงานอยู่ต้องรับตัดเสื้อวันละ 100 ชุด โดยตนเองสามารถเย็บได้ 3-4 ตัว เพราะเป็นงานฝีมือ ได้ค่าแรงเพียงตัวละ 16 บาท แต่ก็ยังพยายามเก็บหอมรอมริบ รวมถึงการที่ตนเองต้องกินอยู่กับทางร้านที่ไปทำงานเป็นลูกจ้างร้านตัดผ้า ก็เพื่อต้องการเรียนการตัดเย็บผ้า ซึ่งในสมัยนั้นไม่มีโรงเรียนเปิดสอน ตนเองก็ไม่มีเงินเรียน แต่อยากหาความรู้ต้องขวนขวายเอง
จนกระทั่งนายมังกรสามารถเปิดร้านเป็นของตัวเองได้ บริเวณตลาดหัวจระเข้ ย่านลาดกระบัง แต่ก็ยังไม่ได้ช่วยให้เขาสุขสบายขึ้น เพราะคิดในใจเสมอว่าชีวิต จะต้องสู้เพื่อความสำเร็จในชีวิตของอนาคต เปิดร้านแต่เช้า กว่าจะเลิกงานก็ตี 1 แต่ด้วยความที่เป็นคนมีอัธยาศัยดี จึงมีกลุ่มเพื่อนฝูงช่วยกันบอกต่อ ถึงคุณภาพการตัดเย็บ รวมไปถึงการประกาศโฆษณาให้เมื่อมีงานวัดตัวตัดเสื้อทุกครั้ง ทำให้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี นายมังกรก็สามารถเปิดร้านได้ และสามารถดึงลูกค้าเข้าร้าน ได้มากกว่าทุก ๆ ร้าน เรียกได้ว่าเขาประสบความสำเร็จในวิชาชีพระดับหนึ่ง หากเมื่อเทียบแล้ว กำลังซื้อยังมีน้อยกว่าย่านสะพานควายมาก จึงตัดสินใจเช่าร้านที่สะพานควายตัดเย็บ เสียค่าเช่าเดือนละ 3,000 บาท ร้านที่หัวจระเข้ ยกให้น้องไปดำเนินการ
จากนั้น 2 ปี ย้ายมาเปิดฝั่งตรงข้าม ธนาคารกรุงเทพ เปลี่ยนชื่อร้านเป็นทางการว่า ดุ๊กค์ ตั้งอยู่เลขที่ 207 / 1 ประดิพันธ์ สะพานควาย ในปี 2516 เป็นยุครุ่งเรือง ของธุกิจเทเลอร์ มีรัฐมนตรีสมหมาย วงศ์ตระกูล เป็นประธานเปิด ลูกค้าประจำเป็นพนักงาน บริษัท ห้างร้าน ข้าราชการทุกระดับ มีช่างประจำ 6 คน
“สมัยนั้น ค่าแรงในการตัดเย็บ ตัวละ 100 บาท กางเกง เสื้อตัวละ 60 บาท นอกจากตัดเย็บด้วยฝีมือแล้ว มีการแต่งร้านเพื่อโชว์เสื้อผ้า เรียกลูกค้า ให้เข้าร้าน กลุ่มลูกค้า คือพนักงานบริษัท ผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่การงานดี ปัญหาในการทำงานก็มีบ้าง โดยเฉพาะเรื่องช่าง ที่มักจะออกบ่อย ๆ เพื่อไปเปิดร้านตนเอง หรือถูกร้านอื่นดึงตัวไป ก็แก้ไขโดยประสานงานกับสมาคมช่างตัดเสื้อไทย เพื่อขอช่าง ก็ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี”
ก่อนที่จะเปิดร้านดุ๊กค์ มีผู้จัดการฝ่ายช่าง อีซูซุ ปัจจุบันเป็นผู้บริหารระดับสูง เป็นลูกค้าประจำ จึงได้ชักชวน ให้เป็นผู้รับเหมาตัดชุดช่าง ให้กับอีซูซุทั่วประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2516 ด้วยเงื่อนไขที่เหมาะสมทั้งราคาและคุณภาพ ส่งผลให้ เสื้อผ้าของตลาดอุตสาหกรรม เริ่มเข้ามามีบทบาท ราคาถูกกว่า กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาตัดเป็นประจำ ก็เริ่มห่างหายไป
จนปี 2537-2538 นายมังกรเล่าว่า แทบไม่ค่อยมีคนเดินเข้าร้านเลย เพื่อนที่ทำธุรกิกเดียวกัน เลิกลาไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ตัวเขาเอง ยอมรับว่า อยู่ได้เพราะ การรับเหมาตัดชุดยูนิฟอร์มช่าง ให้กลุ่มบริษัทตรีเพชร ฯ ที่มีทั้งของอีซูซุ อีซูมิ ออโต้เทคนิค saab ซึ่งทุกวันนี้ ตัดเย็บทุกภาคทั่วประเทศ ปีละ ประมาณ กว่า 10,000 ชุด นอกจากนั้นยังตัดชุดให้กับทาง บีโอไอ คณาจารย์มหาวิทยาลัยต่าง ๆ
สำหรับนายมังกร คิดเสมอว่า ตลอดชีวิตนี้ จะไม่เลิกหรือเปลี่ยนอาชีพเด็ดขาด เพราะรักและภูมิใจในวิชาชีพ และที่สำคัญ อาชีพนี้สร้างชีวิตให้กับเขาและครอบครัว นี่แหละคือวิถีแห่งลูกผู้ชาย วัยกว่า 60 ปี ที่ยังเข้มแข็ง และเด็ดเดี่ยว และยังคงยืนหยัด อยู่ในวงการเทเลอร์จนทุกวันด้วยงานคุณภาพและเขาจะประกอบอาชีพนี้ ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
***สนใจติดต่อ 089-206-9954, 081-867-9105***