สำหรับขาชอปปิ้งตลาดนัดสวนจตุจักร อาจเคยผ่านหูผ่านตา หรือบางคนเคยเป็นลูกค้า ซื้อหาเสื้อยืดของร้าน “กากี่นั้ง” ที่มีเอกลักษณ์ตัดเย็บจาก “ผ้าดิบ” พร้อมสกรีนลวดลายต่างๆ สื่อถึงอดีต และสะท้อนความเป็นเอเชีย ซึ่งร้านดังกล่าว อยู่คู่กับตลาดนัดแห่งนี้ มากว่า 10 ปีแล้ว
ประไพ รังสิพานิช เจ้าของธุรกิจร้านเสื้อยืด “กากี่นั้ง” เปิดเผยถึงสาเหตุที่เลือกผ้าดิบเป็นวัตถุดิบตัดเย็บเสื้อยืด เกิดจากตอนเปิดร้านเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ทำเลของร้าน อยู่ในโซนที่กลุ่มลูกค้าหลัก คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งนิยมสินค้าเกี่ยวกับธรรมชาติ คิดว่า เสื้อยืดที่ทำจากผ้าดิบ ไม่ผ่านการฟอกย้อม ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ตรงเป้า
ส่วนลวดลายสกรีนบนหน้าอกเสื้อ เน้นสื่อถึงเรื่องราวในอดีต และภูมิปัญญาของเอเชีย เช่น ใบปิดประกาศโฆษณาโบราณ ตัวอักษรไทย หน้าปกแบบเรียนชั้นประถม ภาพเขียนจีน ฯลฯ ซึ่งภาพเหล่านี้ ถูกใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในการหาซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึก
“ชาวต่างชาติ จะนิยมอะไรๆ ที่เป็นธรรมชาติ เลยคิดถึงสไตล์ผ้าดิบแบบไม่ต้องผ่านกรรมวิธีฟอกย้อม โดยสกรีนเป็นลายโบราณ เก่าๆ หายาก ปัจจุบัน หาไม่มีแล้ว ซึ่งลายมันเหมาะกับเนื้อผ้า และชาวต่างชาติสามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากที่ระลึกได้” ประไพ อธิบายเสริม
เธอ เล่าต่อว่า ความยากที่สุดของการทำเสื้อยืดย้อนยุค คือ การหาลายโบราณ เพราะข้อมูลหรือภาพถ่ายต่างๆ เหล่านี้ แทบจะหาไม่ได้แล้วในยุคปัจจุบัน ซึ่งแหล่งที่มา ขอสงวนเป็นความลับทางธุรกิจ และยิ่งทำมานานถึง 10 ปี ออกแบบมาแล้ว จำนวนนับไม่ถ้วน ปัจจุบัน การหาแบบโบราณลายใหม่ๆ จึงยิ่งทวีความยากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น จึงพยายามแก้ไขผสมผสานลายอื่นๆ นอกเหนือลายโบราณ เช่น คำกลอนจีน ลายเกี่ยวประเพณีไทย โดยให้อยู่บนพื้นฐานของภาพสื่อถึงอดีต และท้องถิ่นเช่นเดิม
สำหรับราคาเสื้อยืดผ้าดิบ อยู่ที่ตัวละ 159 บาท เนื้อผ้าเป็นระดับเกรดบีบวก นอกจากนั้น ทางร้านฯ ยังมีสินค้าอื่นๆ ที่ทำด้วยผ้าดิบอีกหลายชนิด เช่น กางเกงเล กระเป๋าสะพาย หมวก ผ้ารองจาน เป็นต้น ระดับราคาอยู่ที่หลักสิบถึงร้อยกว่าบาท
จุดเด่นอีกประการของร้าน “กากี่นั้ง” อยู่ที่การตกแต่งหน้าร้าน ที่ตั้งอยู่ในซอย 17 โครงการ 8 ตลาดนัดสวนจตุจักร เน้นให้บรรยากาศร้าน สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกับสินค้า โดยเฉพาะหุ่นโชว์หน้าร้านใส่หน้ากาก “แป๊ะยิ้ม” เป็นสัญลักษณ์ให้ลูกค้าจำจดได้ดี และยิ่งบวกกับชื่อร้านกับชื่อแบรนด์ มีความหมายว่า คนกันเอง ยิ่งเสริมให้ธุรกิจนี้ แม้จะเป็นเอสเอ็มอีรายเล็ก แต่ก็มีแนวทางธุรกิจที่ชัดเจน
สำหรับช่องทางจำหน่ายเสื้อยืด “กากี่นั้ง” คือ ขายตรงผ่านหน้าร้าน ลูกค้ากว่า 70% เป็นชาวต่างชาติ กับอีกช่องทาง คือ ขายส่งทั้งในประเทศ และส่งไปต่างประเทศ มีตลาดใหญ่ ได้แก่ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์
เจ้าของธุรกิจ เผยว่า ในความเป็นจริง เสื้อยืดลักษณะนี้ เทียบสัดส่วนยอดขายไม่ได้เลยกับเสื้อยืดสีสันสวยงามแบบใหม่ แต่เหตุที่ธุรกิจสามารถเติบโตขึ้นมา เพราะมีลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ชอบงานลักษณะจริงๆ แม้จะเป็นกลุ่มไม่ใหญ่ แต่เหนียวแน่น ประกอบกับมีผู้ผลิตงานลักษณะใกล้เคียงกันอย่างจริงจังไม่กี่ราย ทำให้การแข่งขันแย่งตลาดไม่สูงมาก
“ถ้าจะพูดถึงความสวยงามแล้ว เสื้อรุ่นใหม่ ยังไง ก็สวยกว่า มีความหลายหลากมากกว่า แต่จะมีลูกค้าที่ชอบงานแบบนี้ เฉพาะกลุ่มจริงๆ ขณะที่ผู้ผลิตมีไม่มาก อย่างในจตุจักรมีแค่ 2 ราย ซึ่งจะมีลายต่างกันไป ไม่เลียนแบบกัน ทำให้ตลาดสามารถไปได้” เจ้าของธุรกิจเสื้อยืดย้อนยุค กล่าว
ทั้งนี้ จากจุดเด่นเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม ทำให้เสื้อยืดผ้าดิบไม่ประสบปัญหาโดนสินค้าจากจีนเข้ามาแย่งตลาด เหมือนกับผู้ประกอบธุรกิจการ์เมนท์ไทยทั่วไป และเชื่อว่า ในอนาคต สินค้าจากจีนไม่น่าจะลงมาชิงตลาดนี้ เพราะความต้องการของลูกค้าไม่สูง ไม่เหมาะจะผลิตปริมาณมากๆ อีกทั้ง จะเน้นผลิตเสื้อให้ได้มาตรฐานคุณภาพสูงกว่าสินค้าจากจีน เพราะปัจจุบัน ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อย เลือกคุณภาพมาก่อนราคา ส่วนแนวทางพัฒนาธุรกิจในอนาคต จะออกลายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
สำหรับจุดเริ่มต้นของธุรกิจนั้น เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างแก่ผู้ฝันอยากมีธุรกิจของตัวเองได้อย่างดี เริ่มจากจุดเล็กๆ เป็นพนักงานฝ่ายขายของบริษัทแห่งหนึ่ง แล้วใช้วันหยุดเสาร์ – อาทิตย์มาเช่าร้านขายเสื้อยืด ในสวนจตุจักร โดยเหตุที่เลือกขายเสื้อยืด เหราะมองว่าเป็นธุรกิจใกล้ตัว และเป็นสินค้า 1 ในปัจจัย 4 จากวันนั้นถึงปัจจุบัน ธุรกิจของเธออยู่มาครบทศวรรษแล้ว
ฟังดูเหมือนว่า ความสำเร็จที่ได้มาจะง่าย แต่เบื้องหลัง คือ การต่อสู้อย่างน่ายกย่อง เธอเล่าว่า ช่วง 3 ปีแรก ทำงานประจำควบคู่กับธุรกิจส่วนตัว ช่วงเวลาดังกล่าว ไม่เคยได้หยุดแม้แต่วันเดียว และสิ่งที่ยึดถือมาตลอด 10 ปี คือ ความจริงใจกับลูกค้า
“ถ้าเราจริงใจกับลูกค้า ไม่เอาเปรียบ มีบริการที่ดี พูดจาไพเราะ ลูกค้าจะติดใจ และกลับมาซื้อใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ มีค่ากว่าตัวสินค้าเสียอีก บางครั้งสินค้าไม่ดี แต่บริการดี ลูกค้าก็เต็มใจจะซื้อ แต่ถ้าสินค้าดี แต่พูดจาไม่ดี ขายไม่ได้หรอก” ประไพ กล่าวทิ้งท้าย
*******************
โทร.08-1339-4570