“ซาลาเปาทอด” ปั้นด้วยใจ ของดังโคราชบุกตลาดเมืองกรุง

ความที่ไม่ต้องการเป็นลูกจ้างคนอื่น ทำให้ต้องดิ้นรนมองหาช่องทางธุรกิจ แม้ว่าจะต้องเริ่มต้นจากความไม่รู้ก็ตาม สุดท้ายจึงมาลงตัวที่ “ซาลาเปาทอด” ภายใต้แบรนด์ ลูกกระเทียม ที่รู้จักกันดีใน จ.นครราชสีมา ทั้งๆ ที่แต่เดิม ยังไม่มีหน้าร้าน แต่ลูกค้าก็ติดใจในรสชาติ จนสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยขณะนี้ได้เริ่มเปิดตัวในกรุงเทพฯ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ไม่แพ้การเปิดจำหน่ายในต่างจังหวัด

ภคพร ชัยวิฑูอนุกูล เจ้าของธุรกิจซาลาเปาทอด ลูกกระเทียม เล่าว่า เดิมตนเองเป็นพนักงานประจำ กินเงินเดือน แต่จากอุปนิสัยส่วนตัวที่ไม่ชอบเป็นลูกจ้างใคร จึงคิดหาธุรกิจเป็นของตนเอง ใช้การลองผิดลองถูก เป็นธงนำทาง ซึ่งก็มาลงตัวที่ซาลาปาทอด โดยได้ต่อยอดจากความรู้ในการทำซาลาเปานึ่ง ที่ญาติเป็นผู้สอน จนกระทั่งพัฒนามาเป็นซาลาเปา ที่เกิดจากการนำแป้งชนิดอื่น มาปั้นเป็นซาลาเปา และนำไปทอด ทำให้ได้ซาลาเปาทอดที่ไม่อมน้ำมัน และมีความนุ่ม และนี่เองคงเป็นเอกลักษณ์ ที่ทำให้หลายคนติดอกติดใจในรสชาติ

“เราเริ่มขายซาลาเปาทอดเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการทำขึ้นเองที่บ้าน ไม่ได้คิดทำจริงจัง แต่เมื่อหลายคนได้ลองชิม ก็สั่งให้ผลิต เพื่อจำหน่ายเป็นจำนวนมาก รวมถึงหน่วยงานราชการ ก็ติดต่อให้ทำเป็นอาหารว่าง สำหรับงานเลี้ยงรับรองในงานสำคัญๆ ของ จ.นครราชสีมา ซึ่งในปัจจุบันเราได้มีหน้าร้าน ที่ใช้บริเวณหน้าบ้านเป็นสถานที่จำหน่าย และสั่งซื้อสินค้า โดยใช้แบรนด์ว่า ซาลาเปาทอด ลูกกระเทียม ซึ่งคำว่าลูกกระเทียม มาจาก ชื่อของคุณพ่อ ที่ชื่อว่าเทียม และเมื่อลูกๆ ทำธุรกิจ ก็มักจะนำชื่อคุณพ่อมาตั้งเป็นชื่อร้านหรือชื่อสินค้า เพื่อความเป็นศิริมงคล จนบางครั้งลูกค้ามักเข้าใจผิดว่าร้านเราขายกระเทียม และเป็นคำถามที่ถูกถามบ่อยมาก”

สำหรับจุดเด่นของซาลาเปาทอด ลูกกระเทียม ถือว่ามีความโดดเด่นตั้งแต่ กระบวนการคัดสรรวัตถุดิบ และกรรมวิธีการผลิต ก่อนให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลอง โดยได้นำจุดบกพร่องของประเภทอาหารทอด มาวิเคราะห์ เพื่อนำมาปรับข้อด้อยของอาหารทอด ซึ่งธรรมชาติของอาหารทอด ผู้บริโภคจะต้องการอาหารที่ทอดเสร็จใหม่ ไม่อมน้ำมัน และไม่เหม็นหืน ซึ่งทางลูกกระทียม ก็สามารถพัฒนาซาลาเปาทอดให้มีคุณสมบัติครบถ้วน ตรงตามความชอบของลูกค้าที่นิยมรับประทานอาหารทอด ออกมาได้อย่างโดดเด่น

“เราคิดว่าการที่ซาลาเปาทอดของเรา ลูกค้าชื่นชอบ คงเป็นผลมากจากความสดใหม่ของตัวแป้งและไส้ ที่ไม่มีการค้างคืน ทำวันต่อวัน ปราศจากสารกันเสีย ไม่มีผงชูรส และใช้วัตถุดิบเกรด A ทั้งหมด โดยจะทอดซาลาเปาก็ต่อเมื่อลูกค้าสั่งเท่านั้นใช้เวลาทอดประมาณ 2-3 นาที ทำให้สินค้ามีความสดใหม่ และน่ารับประทาน ซึ่งขณะนี้มี 6 ไส้หลัก คือ หน่อไม้ หมูแดง หมูหยองน้ำพริกเผา ถั่วแดง เผือก และครีมข้าวโพด ส่วนไส้อื่นๆ จะขึ้นอยู่กับลูกค้า และเทศกาลสำคัญ เช่น เทศกาลกินเจ เป็นต้น”

ซาลาเปาทอด ถือเป็นอาหารที่สามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย เองจากรับประทานง่าย และไส้ก็มีให้เลือกทั้งหวานและเค็ม ดังนั้นทำให้เมื่อวางขายในห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขานครราชสีมา จนแบรนด์ เป็นที่รู้จักมากขึ้น ทางผู้บริหารห้างเดอะมอลล์ ก็เปิดโอกาสให้เปิดร้านที่เดอะมอลล์ทุกสาขาในกรุงเทพฯ แต่เนื่องจากยังติดปัญหาในเรื่องของบุคลากร ที่ต้องอาศัยใจรัก และความอดทนสูง สำหรับการจำหน่ายอาหารในห้างสรรพสินค้า ที่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางห้างอย่างเคร่งครัด รวมถึงการฝึกฝนการปั้น การทอด เป็นเวลาประมาณ 1 เดือน จนชำนาญ และทำซาลาเปาทอดจำหน่ายได้จริง

“การจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า ถือว่าเรื่องคน เป็นปัญหาใหญ่ของเรา เนื่องจากมีไม่เพียงพอ และต้องใช้เวลาในการฝึกฝน และยิ่งสินค้าของเราเป็นอาหารที่ต้องทำสดใหม่ทุกขั้นตอน มีความยุ่งยาก และจุกจิกสูง ดังนั้นผู้จำหน่ายจะต้องมีใจรัก และมีความอดทน สามารถยอมรับกฎระเบียบของห้างได้ ทำให้ในปัจจุบันซาลาเปาทอด ลูกกระทียม เปิดขายที่ห้างเดอะมอลล์ สาขา งามวงศ์วาน ซึ่งเป็นช่วงทดลองขายในกรุงเทพฯ ถึงสิ้นเดือนมกราคม 2550 เท่านั้น และในเดือนถัดไปจะไปเปิดตัวที่สาขาบางกะปิ เป็นแห่งต่อไป สำหรับการเจรจาเปิดร้านถาวร ก็คงจะเป็นแผนต่อไปในอนาคต โดยขายในราคาลูกละ 5 บาท”

ส่วนการขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ ภคพร บอกว่า อยู่ในช่วงมองหาข้อผิดพลาด ของซาลาเปาทอด ที่เน้นวัตถุดิบที่สดใหม่ ดังนั้นปัญหาในเรื่องการขนส่งจึงถือเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้การขยายธุรกิจแฟรนไชส์ เป็นเรื่องที่ตนเองยังไม่คิดมากนัก เพราะอยู่ในช่วงทดลองตลาดใน กทม. ซึ่งหากภายในระยะเวลา 1 ปี ตลาดในกรุงเทพฯ ไปได้ ก็จะขยายสาขาอย่างจริงจัง ทั้งนี้ตนเองยังคิดว่าหากซาลาเปาทอด มีจำหน่ายทั่วไป และหารับประทานได้ง่าย ก็จะให้ความอยากทานของผู้บริโภคลดน้อยลง

นี่คงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของมนุษย์เงินเดือน ที่พยายามดิ้นรน หาทางออกให้กับตัวเอง จนขณะนี้กลายเป็นเถ้าแก่ใหม่ ที่สามารถสร้างแบรนด์จากต่างจังหวัด ก้าวกระโดดมาครองใจคนกรุงได้อย่างน่าภาคภูมิ