แต่งบ้านอบอุ่นสไตล์คันทรี่ เฟอร์นิเจอร์ทำมือ Country-R-Us

การนำความชอบส่วนตัวมามาสร้างเป็นธุรกิจ ถือเป็นหนทางการเริ่มต้นทำธุรกิจที่ไม่ยากนัก เนื่องจากอาศัยความชอบ และมีความสุขกับงานที่ทำเป็นกำลังใจ ส่งให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก เฉกเช่น “Country-R-Us” ที่นำคาร์แลคเตอร์ของตุ๊กตาแนวคันทรีมาต่อยอดเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ ให้ความรู้สึกอบอุ่น แถมยังได้มีการถ่ายทอดความรู้วิธีการทำตุ๊กตาคันทรี และเทดดี้ แบร์ (Teddy Bear) ให้กับผู้ที่ชอบตุ๊กตาแนวนี้อีกด้วย

สมร วงศ์เมธานุเคราะห์ เจ้าของร้าน Country-R-Us ตุ๊กตาแนวคันทรี เล่าว่า ธุรกิจนี้เกิดจากใจรักล้วนๆ โดยเริ่มแรกได้รับสินค้าประเภทงานเพ้นท์มาจำหน่ายที่ตลาดนัดสวนจตุจักรเป็นงานอดิเรก แต่เมื่อย้อนกลับมองความชอบของตัวเองที่เป็นคนชอบตกแต่งบ้านแนวคันทรี รวมถึงการสะสมตุ๊กตาหมี และตุ๊กตาแนวคันทรี ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นมาตั้งแต่เด็ก จึงได้เริ่มออกแบบเฟอร์นิเจอร์ตามแบบที่ตนเองชื่นชอบ และนำไปจ้างเพ้นท์ สุดท้ายมองว่าสินค้าประเภทแนวคันทรี เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ คู่แข่งถือว่าน้อยมากเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

“ปัจจุบันเรามีโรงงานเล็กๆ ที่ผลิตเฟอร์นิเจอร์ให้ ส่วนงานเพ้นท์ เราจะจ้างเด็กที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้มาช่วย เพ้นท์ตามแบบที่เราต้องการ ซึ่งรูปแบบในการเพ้นท์ส่วนใหญ่ จะศึกษาจากหนังสือต่างประเทศ และนำมาปรับให้เหมาะสมกับคนไทย ที่ชอบงานกุ๊กกิ๊ก ทำให้เรามีความสุข เมื่อเห็นคนที่ชอบงานแบบเดียวกับเรา และเป็นงานที่เราออกแบบ”

ทั้งนี้จุดเด่นของเฟอร์นิเจอร์แนวคันทรีของ Country-R-Us ถือเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีผู้ที่ชื่นชอบเฉพาะกลุ่มเช่นกัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ชอบตกแต่งบ้าน และชอบสินค้าแนวคันทรี ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ของ Country-R-Us จะเน้นการออกแบบให้รู้สึกอบอุ่น เมื่อนำไปตกแต่งบ้าน จะทำให้บ้านดูคล้ายบ้านของตัวการ์ตูนในเทพนิยายต่างชาติ

ขณะนี้ร้าน Country-R-Us ได้ย้ายร้านจากตลาดนัดสวนจตุจักร ที่มีพื้นที่ในการจัดแสดงสินค้าค่อนข้างคับแคบ มาเป็นบริเวณรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีกำแพงเพชร (ตรงข้ามตลาด อ.ต.ก.) ซึ่งมีความเป็นสัดส่วนมากกว่า แถมยังสามารถใช้พื้นที่ในร้านเปิดสอนการทำเทดดี้ แบร์ และตุ๊กตาสไตล์คันทรี ได้อีกด้วย

“นอกจากเราจะผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายแล้วเรายังทำการเปิดสอนการทำตุ๊กตาหมี และตุ๊กตาสไตล์คันทรีให้กับผู้ที่สนใจ โดยใช้เวลาเรียน 1 วัน ตั้งแต่เวลา 10.00-15.00 น. ก็ทำตุ๊กตาเป็นแล้ว ซึ่งค่าเรียน ส่วนตุ๊กตาสไตล์คันทรี ค่าเรียนอยู่ที่ 950 บาท (ไม่รวมค่าอุปกรณ์ 250-280 บาท) ซึ่งส่วนใหญ่ขณะนี้คนสนใจเรียนทำตุ๊กตาคันทรีกันมาก ในวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งเป็นกลุ่มคนวัยทำงาน และแม่บ้าน ส่วนวัยรุ่น ก็มีแนวโน้มสนใจเข้ามาเรียนมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพราะสามารถนำไปเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษได้”

ส่วนราคาเฟอร์นิเจอร์ของร้าน Country-R-Us จะขึ้นอยู่กับขนาดของชิ้นงาน โดยราคาเริ่มต้นที่ 35 บาท โดยเป็นสินค้าชิ้นเล็ก อย่าง ตัวแขวน ตุ๊กตาขนาดเล็ก ส่วนสินค้าในหลักพัน จะเป็นเฟอร์นิเจอร์ใหญ่ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ตู้เก็บของ ตู้โชว์ และชั้นวางหนังสือ เป็นต้น ซึ่งราคาถือว่าค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นงานแฮนด์เมด และเป็นงาน Made to Order ส่วนงานด้านอื่นๆ ของ Country-R-Us คือการออกแบบหน้าร้าน หรือบูธ ให้กับลูกค้าที่ต้องการออกงานแสดงสินค้า ซึ่งถือเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง

สำหรับในขณะนี้ลูกค้าหลักของร้าน Country-R-Us เป็นคนไทยประมาณ 70% และชาวต่างชาติอีก 30% เนื่องจากทางร้านไม่มีทำการประชาสัมพันธ์มากนัก เน้นการบอกปากต่อปาก ซึ่งที่ผ่านมามีลูกค้าชาวต่างชาติสั่งผลิตให้จำนวนมาก แต่ไม่สามารถผลิตได้ทันตามความต้องการ จึงทำให้ สมร ต้องปฏิเสธ แต่ตนเองไม่นึกเสียดายรายได้ตรงนั้น เนื่องจากตนเองมองศักยภาพของตนเองในการผลิต ซึ่งหากรับออเดอร์เข้ามาเยอะ จะส่งผลต่อคุณภาพสินค้า โดยเฉพาะฝีมือในการเพ้นท์จะด้อยลงไป รวมถึงลูกค้าประจำก็จะได้รับงานที่ล่าช้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในอนาคต

อย่างไรก็ตามผู้สนใจที่คิดจะดำเนินธุรกิจด้านนี้ สมร ได้ให้ข้อคิดที่น่าสนใจว่า การที่จำทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ ควรจะเริ่มจากใจรัก เข้าใจในงาน และต้องมีจุดยืนการดำเนินธุรกิจ มีความคิดเป็นตนเอง ซึ่งจะทำให้สินค้ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่หนีคอนเซ็ปต์ รวมถึงตนเองยังยึดหลักเศรษฐกิจกิจพอเพียง ที่ตนเองเชื่อว่าจะทำให้ธุรกิจไปรอด จากการที่ไม่รับออเดอร์เกินตัว ทำตามกำลัง และพอใจในธุรกิจที่ตนเองทำอยู่